เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - อเมริการะส่ำหลังศาลสูงสุดสหรัฐฯ ออกคำพิพากษากลับในคดีโร วี. เวด (Roe v. Wade) วันศุกร์ (24 มิ.ย.) ส่งผลทำให้สิทธิการยุติการตั้งครรภ์กลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในหลายรัฐไม่กี่ชั่วโมงหลังคำพิพากษา รัฐยูทาห์ รัฐโอไฮโอ รัฐแอละแบมา รัฐอาร์คันซอ ที่มีผู้ว่าการรัฐจากรีพับลิกันประกาศ ทั่วโลกตกตะลึงอเมริกาไร้เสรีภาพ เลขาใหญ่ยูเอ็นยันสิทธิการมีบุตรและสุขภาพทางเพศเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและเป็นความเท่าเทียมสำหรับสตรี ด้าน บอริส จอห์นสัน ลั่นนี่ไม่ใช่คำตัดสินศาลอังกฤษแน่นอน ส่วนสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสเตรียมเสนอให้สิทธิการยุติการตั้งครรภ์อยู่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส
เดอะฮิลล์รายงานเมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.) ว่า ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน และ ส.ว.ทีนา สมิธ (Tina Smith) จากพรรคเดโมแครต วันเสาร์ (25) ออกมาเรียกร้องผ่านบทบรรณาธิการฉบับวันเสาร์ (25) เรียกร้องประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ให้ออกมาตรการหรือความเคลื่อนไหวหลังศาลสูงสุดสหรัฐฯ SCOTUS ออกคำพิพากษาครั้งประวัติศาสตร์กลับคำพิพากษาคดีโร วี. เวด (Roe v. Wade) ปี 1973 ที่เป็นเสมือนหลักชัยของความเท่าเทียมระหว่างเพศชายและเพศหญิงที่เปิดทางให้สหรัฐฯ สามารถมีสิทธิการยุติการตั้งครรภ์ถูกกฎหมายได้เป็นครั้งแรกเมื่อเกือบ 50 ปี
CNN ชี้ว่าผลของคำพิพากษาทำให้สิทธิการยุติการตั้งครรภ์ไม่มีอยู่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯอีกต่อไป และจะทำให้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในระดับรัฐหรือไม่ก็ในระดับสภาคองเกรสสหรัฐฯต่อไป
รอยเตอร์รายงานก่อนหน้าว่า ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้ประกอบด้วยองค์คณะที่เป็นผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมเป็นส่วนใหญ่ มีคำวินิจฉัย 6 ต่อ 3 เสียงยืนกฎหมายของรัฐมิสซิสซิปปีที่ห้ามการทำแท้งหลังจากตั้งครรภ์เกิน 15 สัปดาห์ และ 5 ต่อ 4 เสียงให้กลับคำพิพากษาในคดีโร วี. เวด โดยมีผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยม 1 คน คือ “จอห์น โรเบิร์ตส” เลือกที่จะสนับสนุนกฎหมายของรัฐมิสซิสซิปปี โดยไม่จำเป็นต้องคว่ำคำตัดสินในคดี โร วี. เวด
คำตัดสินครั้งนี้ได้ก่อแรงกระเพื่อมขึ้นในสังคมอเมริกันอย่างรุนแรง และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความชอบธรรมของศาลสูงสุดซึ่งควรจะเป็นหลักให้แก่ระบอบประชาธิปไตยอเมริกัน แต่กลับมีคำวินิจฉัยเอียงเองไปในทางอนุรักษนิยมสุดขั้วมาแล้วหลายคดี
คณะผู้พิพากษาลงความเห็นว่า คำวินิจฉัยในคดีโร วี. เวด ซึ่งระบุว่า ผู้หญิงมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะยุติการตั้งครรภ์ได้จนถึงจุดที่ทารกจะสามารถมีชีวิตรอดและเติบโตได้ภายนอกมดลูก ซึ่งอยู่ที่ราวๆ 24-28 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิ “เป็นคำตัดสินที่ผิดพลาด” เนื่องจากรัฐธรรมนูญอเมริกัน “ไม่ได้มีข้อความที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิในการทำแท้ง”
เดอะการ์เดียนรายงานว่า และมีการคาดว่าหลังคำพิพากษา SCOTUS ออกมาในวันศุกร์ (24) เชื่อว่าจะมีราวครึ่งหนึ่งของรัฐทั้งหมดทั่วอเมริกาจ่อเตรียมทำให้การยุติการตั้งครรภ์ผิดกฎหมายหลังจากนี้
ทั้งสอง ส.ว.ชื่อดังกล่าวผ่านบทบรรณาธิการไปถึงไบเดนว่า “เราเรียกร้องให้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเพื่อปกป้องการเข้าถึงสิทธิการยุติการตั้งครรภ์สำหรับชาวอเมริกันทุกคน เปิดทรัพยากรที่สำคัญออกมาและอำนาจที่มลรัฐและรัฐบาลกลางสามารถใช้สำหรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการให้บริการสุขภาพด้านการวางแผนครอบครัว”
ทั้งคู่ได้ชี้ไปถึงจดหมายจากกลุ่ม 20 ส.ว.ที่เรียกร้องให้ไบเดนใช้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการปกป้องสิทธิการยุติการตั้งครรภ์ให้สตรี
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ไม่นานหลังจากคำพิพากษาออกมาพบว่า ในวันเสาร์ (25) การยุติการตั้งครรภ์นั้นกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายไปแล้วในหลายรัฐท่ามกลางการประท้วงเกิดขึ้นตามเมืองต่างๆ ทั่วอเมริกา
อ้างอิงจากเว็บไซต์วางแผนครอบครัว (Planned Parenthood) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพรรครีพับลิกันได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ยังถือเป็นสิ่งถูกกฎหมายหากสามารถเดินทางออกนอกรัฐไปขอรับบริการยุติการตั้งครรภ์ได้ในรัฐที่ยังประกาศคุ้มครอง
แต่ทว่ามี ส.ว.ประจำสภารัฐยูทาห์รายหนึ่งอ้างว่า เป็นเรื่องผิดกฎหมายสำหรับผู้หญิงยูทาห์ที่จะเดินทางไปรัฐอื่นเพื่อขอรับบริการยุติการตั้งครรภ์
ยูทาห์กลายเป็นหนึ่งในหลายรัฐแรกๆ ที่ประกาศให้การยุติการตั้งครรภ์เป็นเรื่องผิดกฎหมายที่พบว่าหลังคำพิพากษาจากศาลสูงสหรัฐฯ วันศุกร์ (24) คำสั่งห้ามการทำแท้งถูกบังคับใช้ภายในรัฐคืนวันนั้น (24)
นอกจากนี้ รัฐโอไฮโอที่ห้ามการยุติการตั้งครรภ์ในเคสส่วนใหญ่และได้สั่งมีผลบังคับใช้แล้ว ส่วนที่รัฐแอละแบมาได้มีการบังคับใช้เช่นกัน ส่วนในรัฐอาร์คันซอพบว่า แผนกสาธารณสุขประจำรัฐเปิดเผยว่า ผู้ให้บริการคุมกำเนิดใหญ่ 2 แห่งของรัฐถูกห้ามและเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เว้นแต่ในกรณีที่จะเป็นอันตรายทางการแพท์ต่อมารดาเท่านั้น ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ในเรือนจำ และปรับ 100,000 ดอลลาร์
ส่วนที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนียในคืนวันศุกร์ (24) คลินิกคุมกำเนิดเพียงแห่งเดียวของรัฐยุติการให้บริการอย่างถาวร และที่รัฐมิสซูรี อัยการประจำรัฐมิสซูรี เอริค ชมิตต์ (Eric Schmitt) ประกาศบังคับใช้กฎหมายห้ามการยุติการตั้งครรภ์
นอกจากนี้ คลินิกวางแผนครอบครัวในบางรัฐรวมรัฐแอริโซนา และรัฐเทกซัสยกเลิกการให้บริการชั่วคราวระหว่างการตรวจสอบกฎหมาย เป็นต้น
การที่ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ออกคำพิพากษาสั่งให้การยุติการตั้งครรภ์ไม่ใช่สิทธิของสตรีในอเมริกาอีกต่อไปสร้างความตกตะลึง และการประณามไปทั่วโลก
CBS News รายงานว่า โฆษกเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตร์เรส กล่าวผ่านแถลงการณ์วันศุกร์ (24) มีใจความว่า “สุขภาพทางเพศและสิทธิการมีบุตรนั้นเป็นสิทธิพื้นฐานของทางเลือกสำหรับมนุษย์ เป็นการให้อำนาจและความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง”
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้อย่างออกตัวไปยังประชาชนอังกฤษว่า “ผมขอกล่าวอย่างชัดเจนกับทุกคนว่า นี่ไม่ใช่ศาลของพวกเรา” เขากล่าวต่อว่า “มันเป็นกระบวนการทางยุติธรรมอีกแห่งแต่มันมีผลกระทบมหาศาลต่อความคิดของคนทั่วโลกและถือเป็นการตัดสินที่สำคัญ”
เขากล่าววิพากษ์วิจารณ์ต่อว่า “ผมคิดว่ามันเป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่” โดยจอห์นสันย้ำว่า “ผมมักเชื่อในสิทธิผู้หญิงที่สามารถมีสิทธิเลือกได้”
ส่วนนายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ นิโคลา สเตอร์เจียน (Nicola Sturgeon) กล่าวในวันศุกร์ (24) ว่า คำตัดสินที่ออกมาจากศาลสูงสุดสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในวันที่มืดมิดมากที่สุดสำหรับสิทธิสตรีในช่วงชีวิตของเธอ
ด้านนายกรัฐมนตรีสเปน เปโดร ซานเชซ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “พวกเราไม่สามารถมองสิทธิใดๆ อย่างไม่เห็นคุณค่าได้” และชี้ต่อว่า “ชัยชนะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมตกอยู่ในความเสี่ยงเสมอต่อการก้าวถอยหลังและการปกป้องมันต้องเกิดขึ้นสำหรับพวกเราทุกวัน ผู้หญิงต้องมีสิทธิอย่างเสรีในการตัดสินใจต่อชีวิตของพวกเธอได้” CBS News รายงาน
ด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า "การยุติการตั้งครรภ์ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับผู้หญิงทุกคน" โดยเดอะการ์เดียนรายงานว่า มีกลุ่มสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสจากพรรคของมาครงเตรียมเสนอให้นำสิทธิการยุติการตั้งครรภ์ใส่รวมในกฎหมายรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสเพื่อประกันการปกป้องให้สตรี
เป็นความเคลื่อนไหวหลังฝรั่งเศสได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ โดยในแถลงการณ์ที่ออกมาจากสมาชิก 2 คนจากสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสกล่าวว่า ร่างกฎหมายใหม่จะรวมไปถึงมาตรการที่จะทำให้ไม่สามารถพรากสิทธิการยุติการตั้งครรภ์ด้วยความยินยอมนั้นเกิดขึ้น
ด้าน Aurore Berge ผู้นำพรรคของมาครงกล่าวแสดงความเห็นถึงคำพิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ SCOTUS ที่ออกมาในวันศุกร์ (24) ว่า เป็นฝันร้ายของผู้หญิงทั่วโลก