ราคาน้ำมันขยับลงแรงต่อเนื่องและทองคำปรับลดในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) ความเห็นล่าสุดของ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โหมกระพือความกังวลว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจฉุดเศรษฐกิจชะลอตัว ในขณะที่วอลล์สตรีท ฟื้นตัวจากแรงหนุนของหุ้นผันผวนต่ำและกลุ่มเทคโนโลยี
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.92 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พาวเวล กล่าวต่อว่าเฟดมุ่งเน้นควบคุมเงินเฟ้อ "แบบไม่มีเงื่อนไข" แม้จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่การว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น ความคิดเห็นที่โหมกระพือความกังวลว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม
นอกเหนือจากเฟดแล้ว พวกนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ อาจเคลื่อนไหวปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อเช่นกัน และมันเสี่ยงผลักเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวถดถอย ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่ออุปสงค์ทางพลังงาน
ด้านราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) ปิดลบเล็กน้อยหลังดอลลาร์แข็งค่า ท่ามกลางความคาดหมายว่าเฟดจะใช้นโยบายทางการเงินแข็งกร้าวยิ่งขึ้น โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 8.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,829.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) ปรับขึ้นพอสมควร ได้แรงหนุนจากหุ้นผันผวนต่ำและกลุ่มเทคโนโลยี แม้ในขณะเดียวกันถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะดำดิ่งสู่ภาวะถดถอย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 194.23 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 30,677.36 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 35.84 จุด (0.95 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,795.73 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 179.11 จุด (1.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,232.19 จุด
กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางเงินเฟ้อระดับสูงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดำดิ่ง จากผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.)
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวขึ้นมาปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นผันผวนต่ำและกลุ่มเทคโนโลยี
ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯ ลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนว่าภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แม้มีการชะลอตัวลงบางส่วนก็ตาม
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 229,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย. แต่ยังสูงกว่าจำนวนที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 227,000 ราย
(ที่มา : รอยเตอร์)
