ศาลญี่ปุ่นมีคำพิพากษาวานนี้ (20 มิ.ย.) ว่าการห้ามสมรสเพศเดียวกันไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สร้างความผิดหวังต่อบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQ ในแดนปลาดิบ ซึ่งถือเป็นประเทศเดียวในกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ที่ยังคงไม่อนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันแต่งงานกันได้
คำตัดสินของศาลแขวงโอซากายังเป็นการดับฝันของนักเคลื่อนไหวที่หวังจะกระตุ้นให้รัฐบาลกลางหันมาส่งเสริมสิทธิในการแต่งงานที่เท่าเทียม หลังจากเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2021 ศาลในเมืองซัปโปโร เคยตัดสินว่าการไม่ยอมรับการแต่งงานระหว่างบุคคลเพศเดียวกันนั้นถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
คู่รักเพศเดียวกัน 3 คู่ ซึ่งเป็นชาย 2 คู่ และหญิงอีก 1 คู่ ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงโอซากา ซึ่งถือเป็นคดีที่เกี่ยวกับการเรียกร้องสิทธิสมรสเพศเดียวกันคดีที่ 2 ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น
นอกจากไม่รับคำกล่าวอ้างที่ว่า “การกีดกันคนเพศเดียวกันไม่ให้แต่งงานถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ” แล้ว ศาลยังปฏิเสธที่จะบังคับจ่ายเงินชดเชย 1 ล้านเยนให้แก่คู่รักแต่ละคู่ด้วย
“ฉันสงสัยจริงๆ ว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้มันเวิร์กจริงหรือเปล่า” มาจิ ซากาตะ ซึ่งเข้าพิธีแต่งงานกับพาร์ตเนอร์ชาวอเมริกันที่สหรัฐฯ และกำลังจะมีบุตรคนแรกในเดือน ส.ค.นี้ กล่าว
รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นให้คำนิยมการแต่งงานว่าเป็นการยินยอมพร้อมใจ “ระหว่างชายและหญิง” ทว่าหลังจากที่โตเกียวผ่านร่างกฎหมายคู่ชีวิตสำหรับ LGBTQ เมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงผลสำรวจความคิดเห็นที่พบว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่สนับสนุนสิทธิในการแต่งงานของคนเพศเดียวกันมากขึ้น ก็ทำให้นักเคลื่อนไหวและนักกฎหมายคาดหวังว่าศาลโอซากาน่าจะมีคำพิพากษาไปในทิศทางเดียวกันด้วย
อย่างไรก็ดี ศาลกลับยืนกรานวินิจฉัยว่าการสมรสเป็นเรื่องระหว่างชาย-หญิงเท่านั้น อีกทั้งสังคมญี่ปุ่นก็ยังไม่เคยมีการอภิปรายถกเถียงมากพอในประเด็นการสมรสเพศเดียวกัน
กฎหมายญี่ปุ่นในปัจจุบันยังไม่อนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิรับมรดกของอีกฝ่าย และไม่มีสิทธิในการเป็นผู้ปกครองบุตรของอีกฝ่ายด้วย ขณะที่ “ใบรับรองคู่ชีวิต” ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นบางแห่งออกให้ก็เพียงเอื้อประโยชน์ในแง่ของการเช่าที่พักอาศัยร่วม และสิทธิในการเข้าเยี่ยมคนป่วย แต่ไม่ช่วยให้คู่รัก LGBTQ ได้รับสิทธิตามกฎหมายเต็มที่เหมือนคู่สมรสทั่วไป
ที่มา : รอยเตอร์