โป๊ปฟรานซิสชี้ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ถูกประกาศแล้วในมุมมองของพระองค์ และแม้จะทรงสดุดีความกล้าหาญของชาวยูเครนที่พยายามปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานอันป่าเถื่อนของรัสเซีย แต่ทรงเห็นว่าองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ก็มีส่วน “ยั่วยุ” ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
ในบทสัมภาษณ์ซึ่งเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษโดย Vatican News เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า “เมื่อ 2-3 ปีก่อน ข้าพเจ้าบอกว่าเราเริ่มเห็นสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 3 ทว่าวันนี้ ในมุมมองของข้าพเจ้า สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ถูกประกาศแล้ว”
“สิ่งที่เราได้เห็นก็คือความโหดร้ายและความป่าเถื่อนของสงครามที่กระทำโดยทหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารรับจ้างของฝ่ายรัสเซีย” โป๊ปตรัส พร้อมทั้งทรงยกย่องชาวยูเครนว่าเป็น “ประชาชนผู้กล้าหาญ”
อย่างไรก็ดี ประมุขคริสตจักรคาทอลิกทรงย้ำเตือนว่า “สิ่งที่อันตรายก็คือเรามองเห็นเพียงการสู้รบที่โหดร้าย แต่มองไม่เห็นฉากละครทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังสงครามครั้งนี้ ซึ่งอาจจะเกิดจากการยั่วยุ หรือการไม่พยายามยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้น”
โป๊ปฟรานซิสทรงแถลงประณามสงครามในยูเครนมาแล้วหลายครั้ง แต่กระนั้นก็ยังไม่วายถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ทรงโยนความผิดทั้งหมดให้แก่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย อย่างที่บรรดาชาติตะวันตกทำกัน
โป๊ปชี้ว่า ในสงครามนี้ “ไม่มีใครเป็นคนดีหรือคนชั่วร้อยเปอร์เซ็นต์” และ “มีปรากฏการณ์ระดับโลกบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งมีองค์ประกอบพัวพันกันอย่างซับซ้อน” และด้วยเหตุนี้ ปูติน จึงไม่ควรถูกตราหน้าว่าเป็น “หมาป่า” เช่นเดียวกับที่ชาติตะวันตกก็ไม่ใช่ “หนูน้อยหมวกแดง” เสียทีเดียว
โป๊ปยังทรงอ้างถึง “ผู้นำประเทศ” รายหนึ่งซึ่งเคยบอกพระองค์ในช่วง 2-3 เดือนก่อนที่รัสเซียจะส่งทหารบุกยูเครนในวันที่ 24 ก.พ. ว่า เขารู้สึก “เป็นกังวลกับความเคลื่อนไหวของนาโต” และมองว่ากลุ่มพันธมิตรทางทหารที่มีสหรัฐฯ เป็นหัวโจกกำลังตั้งใจ “เห่าใส่ประตูบ้านของรัสเซีย”
อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงปฏิเสธเสียงวิจารณ์ของผู้ที่กล่าวหาว่าพระองค์เลือกข้าง ปูติน
“มาถึงตอนนี้อาจจะมีคนอยากบอกข้าพเจ้าว่า พระองค์สนับสนุนปูตินนี่นา! แต่ไม่ใช่เลย ข้าพเจ้าไม่ใช่เช่นนั้น และการพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้อง... ข้าพเจ้าเพียงไม่เห็นด้วยกับความพยายามด่วนสรุปง่ายๆ ว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนชั่ว โดยไม่พิจารณาถึงต้นตอและผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องซับซ้อน”
โป๊ปยังตรัสทิ้งท้ายว่า “อุตสาหกรรมอาวุธ” ก็อาจจะเป็นแรงจูงใจหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสงครามขึ้นได้
ที่มา : เอเอฟพี, Daily Mail