มิสลาฟ โคลาคูซิช สมาชิกรัฐสภายุโรปจากโครเอเชีย ตำหนิอย่างรุนแรงต่อนโยบายต่างประเทศและกลาโหมของอียู ชี้ว่าทางกลุ่มกำลังกลายเป็นคนรับใช้ของวอชิงตัน หลังจากก่อนหน้านี้เคยวิพากษ์วิจารณ์มาตรการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซียของตะวันตกและข้อจำกัดสกัดโควิด-19
ระหว่างกล่าวกับรัฐสภายุโรุปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โคลาคูซิช บอกกับเพื่อร่วมสมาชิกรัฐสภาว่า "ทุกวันนี้นโยบายด้านต่างประเทศ กลาโหมและความมั่นคงของอียู สามารถบรรยายได้ด้วยเพียงประโยคเดียว นั่นคือสหภาพยุโรปกลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ เพียงแต่ไม่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง"
โคลาคูซิช ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ เกี่ยวกับนโยบายของอียูที่มีต่อรัสเซีย นับตั้งแต่ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของมอสโกเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ด้วยนโยบายดังกล่าว ได้เห็นสมาชิกของสหภาพยุโรปลดพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย เพิ่มใช้จ่ายด้านกลาโหมและกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียรอบแล้วรอบเล่า ยอมแบกรับค่าใช้จ่ายตามเสียงเรียกร้องของสหรัฐฯ
"มันเป็นคำโกหกที่น่าเหลือเชื่อและตลบตะแลง ที่ว่ามาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียและแบนนำเข้าน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติรัสเซีย เป็นการลงโทษรัสเซีย แต่ความเป็นจริงคือมาตรการคว่ำบาตรเป็นการเล่นงานพลเมือง 500 ล้านคนของสหภาพยุโรปโดยตรง เช่นเดียวกับพลเมืองอีกหลายล้านคนในประเทศยุโรปอื่นๆ ที่เหลือ" เขากล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคม
โคลาคูซิช ยังเคยเรียกบรรดาผู้นำโลกในยุโรปและอื่นๆ ว่าเป็นพวกต่อต้านสังคมและมีบุคลิกผิดปกติไร้ความรู้สึกเกี่ยวกับข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ของพวกเขา และเรียกแคนาดาว่าเป็น "เผด็จการกึ่งเสรีนิยม" ต่อหน้านายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด
EU 🇪🇺 foreign, defense and security policy today can be described in a single sentence. The European Union 🇪🇺 became the 51st federal state of the United States 🇺🇸 but without the right to vote. pic.twitter.com/dqnrM2f1i6— Mislav Kolakusic MEP 🇭🇷🇪🇺 (@mislavkolakusic) June 8, 2022
นอกจากนี้ โคลาคูซิช ยังประณามนโยบายพลังงานสะอาดของอียู โดยบอกว่า "การประกาศให้คาร์บอนไดออกไซด์และเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นศัตรูของพลเมืองสหภาพยุโรปเป็นเรื่องบ้าสิ้นดี และจะทำให้ชาวยุโรปจะต้องหันมาขี่จักรยาน แบบเดียวกับที่ จีน เคยเป็นเมื่อ 30 ปีก่อน"
ประเด็นการครอบงำยุโรปของอเมริกา เคยโหมกระพือข้อโต้เถียงแบบเดียวกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ณ ขณะนั้น เคยส่งเสียงคัดค้านนาโต้ โดยระบุว่ากลุ่มพันธมิตรทหารดังกล่าวว่าเป็น "กลไกแอบแฝงกุมอำนาจเหนือยุโรปของอเมริกา" และเขาถอนฝรั่งเศสออกจากการเป็นสมาชิกนาโต้ในปี 1966 โดยชี้ว่าการเป็นสมาชิกนาโต้บ่อนทำลายอธิปไตยของชาติ
เมื่อไม่นานมานี้ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน เคยพูดถึงความจำเป็นของยุโรปในการยึดมั่น "ความเป็นเอกราชทางยุทธศาสตร์" และตั้งคำถามเกี่ยวกับประโยชน์ของนาโต้ อย่างไรก็ตามหลังเกิดความขัดแย้งในยูเครน มาครง กลับลำระบุว่า พันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของอียูที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวหาบรรดาผู้นำชาติยุโรปว่า "กำลังฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจ" ด้วยการห้ามนำเข้าพลังงานรัสเซีย โดยระบุอียูกำลังดำเนินการสวนทางกับผลประโยชน์ของตนเอง "ภายใต้แรงกดดันจากนายหัวอเมริกา"
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)