รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – กระทรวงกลาโหมอังกฤษรายงานวันจันทร์(30 พ.ค)ถึงสถานการณ์ล่าสุดในยูเครนว่า รัสเซียดูเหมือนสูญเสียครั้งใหญ่ในเจ้าหน้าที่ทหารระดับกลางและล่าง สร้างความวิตกถึงประสิทธิภาพการสู้รบของกองกำลังรัสเซียในอนาคต ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนล่าสุดออกมาให้คำมั่นจะไม่ส่งจรวดที่มีพิสัยทำการรบไกลเข้าไปถึงดินแดนรัสเซียให้กับยูเครน
รอยเตอร์รายงานวันนี้(30 พ.ค)ว่า กระทรวงกลาโหมอังกฤษรายงานข่าวกรองล่าสุดวันนี้(30)ผ่านทางทวิตเตอร์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวฝ่ายรัสเซียว่า ผู้บัญชาการรบระดับกองพลน้อยและระดับกองพันมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกส่งไปที่ตั้งอันตรายแนวหน้ามากที่สุดขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับชั้นผู้น้อยจะต้องเป็นผู้นำปฎิบัติการรบยุทธวิธีละดับล่าง
ในรายงานข่าวกรองได้อ้างไปถึงแหล่งที่น่าเชื่อถือจำนวนมากจากกองกำลังรัสเซียที่ยอมสวามิภักดิในยูเครน กลาโหมอังกฤษยังกล่าวต่อในรายงานของเดอะการ์เดียนของอังกฤษว่า การสูญเสียอย่างหนักในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับล่างในการสู้รบจะสร้างปัญหามากขึ้นต่อปัญหาในการปรับปรุงกองทัพของรัสเซียให้มีความทันสมัยในด้านการบัญชาการและการควบคุม
“มีกลุ่มกองพันยุทธวิธี BTG มากขึ้นที่กลับมารวมตัวในยูเครนจากกองกำลังที่รอดชีวิตจากหลายหน่วยนั้นน่าจะมีประสิทธิภาพน้อยลงเนื่องมาจากการขาดผู้นำระดับเจ้าหน้าที่ระดับล่าง” รายงานจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษ
ทั้งนี้กองกำลังรัสเซียโจมตีอย่างหนักในวันจันทร์(30)เพื่อเข้ายึดเมืองเซเวียโรโดเนตสค์ (Sievierodonetsk) ซึ่งถือเป็นเมืองสำคัญในเขตดอนบาส
ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนล่าสุดวันนี้(30)ออกมาให้คำมั่นจะไม่ส่งจรวดที่มีพิสัยทำการรบไกลเข้าไปถึงดินแดนรัสเซียให้กับยูเครน การออกมาให้ความเห็นจากผู้นำสหรัฐฯมีขึ้นหลังรัฐบาลของเขาเตรียมส่งจรวดพิสัยไกลล้ำสมัยให้กับเคียฟสำหรับการสู้รบกับรัสเซีย
ทั้งนี้ที่ผ่านมาฝ่ายยูเครนต้องการะบบยิงจรวดแบบหลากหลาย MLRS (Multiple Launch Rocket System) ที่สามารถยิงจรวดในพิสัยห่างออกไปไกลหลายร้อยไมล์
ซึ่งในวันศุกร์(27)ที่ผ่านมาทั้ง CNN และหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์มีแนวโน้มที่ต้องการส่งยุทโธปกรณ์นี้และอาวุธที่สามารถเคลื่อนที่ได้สูง ระบบปืนใหญ่เคลื่อนตัวสูง HIMARS (High Mobility Artillery Rocket System) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจความช่วยเหลือทางการทหารครั้งใหญ่ที่วอชิงตันอนุมัติเพื่อช่วยยูเครนในสงครามที่ยืดเยื้อมาถึง 4 เดือนและมีผู้เสียชีวิตในสงครามร่วมหลายพันคนและพลัดถิ่นอีกหลายล้านคน