xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึกมือปืนบ้าเลือด-แอนตี้สังคม ตั้งใจหิ้วไรเฟิลยิงถล่ม นร.เทกซัส แถมตำรวจไปช่วยช้า เด็กตายตรึม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


น้องเมกเคนนา เอลร็อด นางฟ้าตัวน้อยถูกสังหารด้วยคมกระสุนของซัลวาดอร์ รามอส เมื่อ 24 พฤษภาคม และต้องจากอ้อมอกของคุณพ่อไปด้วยวัยเพียง 10 ปี คุณพ่อแบรนดอน เอลร็อด บึ่งรถตามหาลูกสาวสุดรักทันทีที่ได้ข่าวการกราดยิงในโรงเรียนประถมร็อบบ์ สกูล คุณพ่อตรงเข้าไปถามข่าวลูกสาวจากเอบีซีนิวส์ นักข่าวสัมภาษณ์ว่า “คุณกังวลใจอะไร” คุณพ่อบอกพลางกลั้นสะอื้น “กลัวลูกอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว” ด้านคุณน้าแอลลิสัน แมคคัลลา เขียนขึ้นแอ็กเคานต์ GoFundMe บนทวิตเตอร์เพื่อขอระดมความสนับสนุนให้แก่ครอบครัวหลาน คุณน้าเขียนว่า คิดถึงรอยยิ้มของน้องเมกเคนนา รอยยิ้มที่สามารถจุดความสว่างสดใสไปทั่วทั้งห้อง หลานคนนี้สวย อารมณ์ดี ฉลาด และน่าทึ่ง น้องมีดวงใจเมตตาใหญ่หลวง น้องรักครอบครัวและรักเพื่อนอย่างที่สุด
“เป็นคนแบบไหนกันแน่” สำหรับ ซัลวาดอร์ รามอส มือปืนเลือดเดือดวัยทีนเอจ ผู้ก่ออาชญากรรมสยองขวัญ กราดยิงนักเรียนและคุณครูที่โรงเรียนประถมศึกษา ร็อบบ์ เอลาเมนทารี สกูล ในเมืองยูวัลดี รัฐเทกซัส เสียชีวิตรวม 21 ราย โดยก่อนหน้านั้นไม่ถึงยี่สิบนาที ก็ได้ยิงปืนเข้าที่ศีรษะของคุณยายตนเอง และเดินออกจากบ้าน ขับรถของคุณยายบึ่งไปโรงเรียนประถมตามที่เขาได้ส่งข้อความบอกเพื่อนสาวในเยอรมนีไว้ว่า “จะไปยิงถล่มโรงเรียนประถมเดี๋ยวนี้เลย”

ขณะที่หลายคนในชั้นเรียนเกรด 12 ด้วยกันกับ รามอส ซึ่งเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลาย ยูวัลดี ไฮสกูล ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนต่างๆ ว่า รามอสเป็นคนล้มเหลวและแปลกแยกตนเองออกจากเพื่อนพ้อง โดย เขามักที่จะถูกรังแก ล้อเลียน เยาะเย้ยในเรื่องครอบครัวยากจน เป็นโฮโมเซ็กชวลและทาอายไลนอร์ รวมทั้งปัญหาในการพูดจาติดขัด และการแต่งตัวไม่โอเค และวอชิงตัน โพสต์ ก็รายงานข้อมูลว่า รามอส มักจะถูกมองเป็นคนอารมณ์รุนแรง สะเทือนใจมากเกินไป และเจ้าโทโส และการที่มีปัญหาการพูด เป็นจุดให้ถูกล้อเลียนเย้ยหยัน

แต่!! ญาติคนหนึ่งของ รามอส ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา นามว่า อีวาน อาเรลลาโน ให้ข้อมูลที่แตกต่างและหักล้างภาพลักษณ์ดังกล่าวของสื่อ

คุณยายของเนเหว่ย์ บราโว ร่ำไห้ถือภาพหลานสาวสุดรักเข้าร่วมพิธีสวดภาวนาของพระพรจากพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมกราดยิงนักเรียนและคุณครูโรงเรียนร็อบบ์ เมืองยูวัลดี รัฐเทกซัส เมื่อ 25 พฤษภาคม 2022
ข้อมูลขัดแย้งตรงข้ามมาจากหลายฝ่าย รวมทั้งญาติ-เพื่อนนักเรียนของ รามอส เป็นหนังคนละม้วน

บีบีซีนำเสนอข้อมูลจาก อาเรลลาโน ว่า รามอส เพี้ยนและต่อต้านสังคม อาเรลลาโน ใช้คำว่า รามอส ขาดแคลนเพื่อน พร้อมกับบอกว่าบ่อยครั้งเลยที่ รามอส ใช้วิธีที่ทำให้คนอื่นในชั้นเดียวกันรู้สึกกลัว รวมทั้งวิธีข่มขู่ นอกจากนั้น ยังบอกด้วยว่า ในเมืองยูวัลดีที่เป็นเมืองเล็กๆ ผู้คนรู้จักกันเป็นส่วนใหญ่นั้น มีคนเยอะมากรู้จัก รามอส และมองว่าสุขภาพจิตของเขาไม่ปกติ

ส่วนซีเอ็นเอ็นได้สัมภาษณ์เพื่อนในชั้นเรียนของ รามอส ซึ่งบอกว่าสนิทกับ รามอส เคยเล่น Xbox ด้วยกัน เพื่อนคนนี้บอกว่า รามอส ชอบเล่นเกมยิงปืน The Shooter กับเกมสงคราม Call of Duty

ปัญหาสุขภาพจิตของ รามอส มีความเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเลยกับคุณแม่ วอชิงตัน โพสต์ รายงานข้อมูลจาก รูเบน ฟลอเรส เพื่อนบ้านข้างบ้านคุณแม่ ซึ่งหนุ่มใหญ่วัย 41 ปีบอกว่าชีวิตของ รามอส ที่อยู่กับคุณแม่นั้นเต็มไปด้วยปัญหามาก ในขณะที่ รามอสก็พยายามตั้งตัวเป็นป๋าของพวกวัยรุ่น

วอชิงตัน โพสต์ บอกด้วยว่าตำรวจเคยไปคุยกับคุณแม่ของรามอส และ รามอส มักมีปากเสียงกับคุณแม่บ่อยๆ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่บ้านคุณยายเมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา

ความสัมพันธ์ของ รามอส กับเพื่อนร่วมงานที่ร้านอาหาร เว็นดี้ส์ ก็ไม่ราบรื่น ซีเอ็นเอ็นสัมภาษณ์ผู้จัดการร้านและได้ข้อมูลว่า โดยมากนั้น รามอสไม่สุงสิงกับพนักงานอื่น “เขาแค่มาทำงาน รับส่วนแบ่งค่าทิป และเข้ามารับเช็คค่าจ้าง” แต่หนังสือพิม์เดลี บีสต์ รายงานถ้อยคำของเพื่อนร่วมงานบอกว่า เขาก้าวร้าว และส่งข้อความไม่เหมาะสมไปยังพนักงานหญิงหลายราย นอกจากนั้น เพื่อนร่วมงานหลายคนพูดตรงกันว่าเขาเป็นคนต่อต้านสังคม

ซัลวาดอร์ รามอส อาชญากรสังหารเด็กนักเรียนและคุณครู 21 ราย ในโรงเรียนประถมร็อบบ์ สกูล เมื่อ 24 พฤษภาคม ทั้งที่ชีวิตบริสุทธิ์เหล่านี้ไม่ได้รู้จักหรือเคยทำร้ายเขา-หนุ่ม 18 ผู้มีปัญหามากมายกับคุณแม่และคุณยายของตนเอง ตลอดจนมีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนและเพื่อนร่วมงานที่ร้านเว็นดี้ส์  ความโกรธเกรี้ยวและเลือดเดือดที่เขาระเบิดออกมาเป็นอาชญากรรมฆาตกรรมหมู่ 21 ศพ นำพาให้เขาถูกวิสามัญฆาตกรรมตายตกตามกันไปภายในเวลา 90 นาทีหลังจากที่ก่อกรรมร้ายแรงต่อเพื่อนมนุษย์
คาดว่าจุดแตกหักในชีวิต เริ่มจากโกรธเกรี้ยวที่ไม่สามารถเรียนจบพร้อมคนอื่นในชั้นเดียวกัน

อาชญากรรมบ้าเลือดที่ รามอส ลงมือด้วยตนเองเพียงลำพังเมื่อ 24 พฤษภาคมนั้น เกิดขึ้นในหนึ่งวันหลังจากที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนมีกิจกรรมฉลองจบการศึกษา โดยที่ตัวเขาไม่ได้เรียนจบเหมือนคนอื่นๆ วอชิงตัน โพสต์ รายงานเช่นนี้

แต่ รามอส เตรียมการเพื่อก่อคดีสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศไว้ก่อนหน้านั้นหลายวันทีเดียว

เพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งของ รามอส ให้สัมภาษณ์แก่ซีเอ็นเอ็นว่า รามอส แทบจะไม่ไปโรงเรียนเลย แต่รามอสก็ส่งข้อความไปหาเขาบ้างผ่าน Xbox ซีเอ็นเอ็นรายงาน

และแล้ว รามอส ก็ส่งภาพปืนไรเฟิล 2 กระบอกที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองในวันที่ 16 เดือนพฤษภาคม ไปอวดเพื่อนในช่วง 4 วันก่อนจะดำเนินการสังหารหมู่เด็กๆ นักเรียน นอกจากปืนไรเฟิล 2 กระบอกในภาพดังกล่าวแล้ว ยังมีภาพเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก

“ผมถามประมาณว่า ทำไมต้องซื้อมาด้วย แต่เขาบอกปัดๆ ว่า อย่าสนใจเลย” เพื่อนคนดังกล่าวเล่าอย่างนั้น

ในวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม หนึ่งวันก่อนที่ รามอส จะลงมือกระทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เขาส่งข้อความผ่านแอปยูโบ (Yubo) ไปเล่าให้เพื่อนสาววัย 15 ในแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ว่าเขาได้รับเครื่องกระสุนมาแล้ว พอเพื่อนสาวถามว่าจะเอากระสุนไปทำอะไร เขาตอบเลี่ยงๆ บอกว่าอันนี้เป็นเซอร์ไพรส์ รอก่อน แล้วจะบอกให้ทราบ ทั้งนี้ ทั้งสองเพิ่งรู้จักและสื่อสารกันผ่านแอปต่างๆ ตั้งแต่เมื่อ 9 พฤษภาคม 2022

ในวันเกิดโศกนาฏกรรมร้ายแรงนั้น เพื่อนบ้านข้างบ้านคุณยายเห็น รามอส ทะเลาะกับคุณยาย โดยมีประเด็นหนึ่งที่ได้ยินคือ รามอสโมโหมากที่ตนเองเรียนไม่จบ ทั้งนี้ เป็นข้อมูลที่อยู่ในบทสัมภาษณ์ที่ให้แก่สถานีข่าวประจำเมือง ชื่อว่า นิวซี่ นอกจากนั้น ซีบีเอสรายงานด้วยว่า คุณยายโต้เถียงเสียงดังกับหลานชายในเรื่องค่าโทรศัพท์มือถือที่รามอสใช้ ว่าพุ่งสูงเหลือเกิน

ปืนไรเฟิล 2 กระบอกที่ รามอส ซื้อให้ตนเองซึ่งอายุเพียง 18 ปีได้อย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งยังซื้อเครื่องกระสุนอีกมากมายกว่าหนึ่งพันหกร้อยนัด
เตรียมก่อเหตุร้ายไว้ล่วงหน้าทั้งหมด โดยแพลมให้เพื่อนสาวในเยอรมนีทราบ แล้วพุ่งไปลงมือ

ณ เวลา 11.01 น. วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งก็คือไม่ถึงสามสิบนาทีก่อนเกิดเหตุการณ์กราดยิงสังหารเด็กๆ โรงเรียนประถมเมืองยูวัลดี มือปืนหนุ่มวัยทีนเอจ 18 ปี โทร.หาเพื่อนสาววัย 15 ปีในเยอรมนีผ่านแอปเฟสไทม์ (FaceTime) บอกว่า รักเธอ สาวน้อยบอกแก่ซีเอ็นเอ็นไป โดยที่ซีเอ็นเอ็นได้รับอนุญาตจากคุณแม่ของเธอเป็นที่เรียบร้อยก่อนทำการสัมภาษณ์

สาวน้อยให้ข้อมูลแก่ซีเอ็นเอ็นด้วยว่า ไม่กี่นาทีต่อมา รามอสเขียนข้อความบ่นโวยว่าถูกคุณยายแทรกแซงเรื่องโทรศัพท์มือถือของตน โดยตอนนั้นคุณยายกำลังโทร.ตรวจสอบค่าโทรศัพท์มือถือของรามอสว่าทำไมแพงมาก กับเอทีแอนด์ที บริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคม

“น่ารำคาญ” รามอส หนุ่มวัยรุ่นผู้ที่กำลังจะกลายเป็นมือปืนอำมหิตรายใหม่ของสหรัฐอเมริกา เขียนไปอย่างนั้น

ในห้วงหลายๆ นาทีเหล่านี้แหละที่เพื่อนบ้านได้เสียงคุณยายตะโกนดังไปทั่ว “มันยิงชั้น มันยิงชั้น”

จากนั้น รามอส ซึ่งโกรธเกรี้ยวบ้าเลือดอย่างที่สุด พุ่งตัวออกจากบ้าน ขับรถกระบะฟอร์ดของคุณยายตะบึงตะบอนไปยังโรงเรียนประถมร็อบบ์ โดยในระหว่างนั้น รามอส ส่งข้อความเพิ่มเติมถึงเพื่อนสาวบอกว่า “ผมยิงหัวยายแล้ว” จากนั้นอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ก็เขียนสำทับว่า “ผมจะไปยิงถล่มโรงเรียนประถม (เดี๋ยวนี้เลย)” ทั้งนี้ ข้อความสุดท้ายที่ส่งไปนั้น อยู่ที่ 11.21 น. ตามเวลาในเทกซัส หรือก็คือ 23.21 น.ของประเทศไทย

เมื่อถึงด้านหลังของโรงเรียน ณ เวลา 11.28 น. รามอสระเบิดโทสะใส่รถกระบะของคุณยายในลักษณะของคนเกรี้ยวกราดโมโหร้าย โดยพุ่งรถลงไปบี้กับช่องคูน้ำข้างทางให้รถพัง ก่อนจะหิ้วปืนไรเฟิลพร้อมเครื่องกระสุนพาดหน้าอก โดดข้ามรั้วโรงเรียน มุ่งหน้าไปเปิดฉากอาชญากรรมสังหารเด็กๆ แบบเลือดเดือดสุดๆ

ใกล้เที่ยงคืนของวันอังคาร (24) คิมเบอร์ลี มาตา-รูบิโอ เขียนในเฟซบุ๊กว่า ลูกสาวของเธอ อเล็กซานเดรีย รูบิโอ ถูกสังหารในเหตุกราดยิงที่โรงเรียน ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพิธีประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้รับการยกย่องชมเชย ในโพสต์นี้คุณแม่แนบภาพของอเล็กซานเดรีย ยิ้มแป้น พร้อมกับโชว์ประกาศนียบัตรที่ได้รับจากการสอบได้ A ทุกวิชา (ภาพจากเฟซบุ๊ก) ภาพนี้กลายเป็นความสะเทือนใจใหญ่หลวง เพราะ เฟลิกซ์ รูบิโอ คุณพ่อของอเล็กซานเดรียไปร่วมพิธีและถ่ายภาพครอบครัวโดยไม่รู้ตัวเลยว่านี่จะเป็นภาพแห่งความรักและอบอุ่น “พ่อแม่ลูก” ภาพสุดท้ายแล้ว “เราบอกลูกว่า เรารักลูก และจะมารับกลับบ้านหลังโรงเรียนเลิก เราไม่คิดเลยว่านั่นคือการกล่าวอำลา” คุณแม่คิมเบอร์ลี เขียนในเฟซบุ๊กอย่างนั้น
บุกเข้าอาคาร ดึงเครื่องกีดขวางสร้างแนวป้องกัน แล้วกราดยิงเด็กเป็นห้วงๆ และอยู่รอสู้ตำรวจต่อ

เนื่องจากโรงเรียนในรัฐเทกซัสเคยเกิดเหตุการณ์กราดยิงเลือดนองแผ่นดินมาก่อนแล้ว จึงมีมาตรการป้องกันภัยไว้เป็นอย่างดี ได้แก่ การล็อกประตูทางเข้าสู่โรงเรียน และการวางกำลังตำรวจประจำโรงเรียน

รายงานของสื่อมวลชนหลายค่ายในวันพุธที่ 25 พฤษภาคม เช่น ซีเอ็นเอ็น ระบุว่ามือปืนได้ปะทะกับตำรวจท้องที่ของเมืองยูวัลดีซึ่งเป็นตำรวจคุ้มกันโรงเรียนแห่งนี้ แต่ตำรวจดังกล่าวไม่สามารถหยุดยั้งรามอสได้ หลังจากนั้น ยังเจอกับตำรวจอีก 2 นาย จากกองความปลอดภัยภายในแห่งยูวัลดี (Uvalde ISD Police) แล้วรามอสก็วิ่งเข้าประตูอาคารโรงเรียนซึ่งถูกเปิดค้างอยู่ โดยทิ้งกระเป๋าเครื่องกระสุนไว้ รายละเอียดเหล่านี้ปรากฏในรายงานของซีเอ็นเอ็นซึ่งอ้างคำบอกเล่าของจ่าเอริค เอสตราด้า แห่งกรมรักษาความปลอดภัยประชาชน (DPS) หน่วยงานทางการระดับรัฐของเทกซัส

“ข้างในกระเป๋ามีเครื่องกระสุน เขาทิ้งไว้แล้ววิ่งเข้าในอาคารโรงเรียน และดึงเครื่องกีดขวางสร้างแนวป้องกันตนเองที่ห้องเรียนห้องหนึ่ง และเป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เขาลงมือกราดยิงบรรดาเด็กนักเรียนซึ่งไม่รู้ความ อีกทั้งยิงผู้ใหญ่อีก 2 รายในห้องเรียนนั้น” จ่าเอสตราด้าเล่าสรุปเรื่องให้นักข่าวซีเอ็นเอ็น ด้านเอบีซีนิวส์รายงานว่า รามอส มีกระสุนมาด้วยทั้งหมด 1,657 นัด โดยจำนวนกระสุนที่นำติดตัวเข้าไปกราดยิงนักเรียนเกรด 4 นั้น คือ 315 นัด โดยยิงออกไปสังหารเด็กและคุณครูตลอดจนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่มากมายถึง 142 นัด

ข้อมูลที่ทางการฝ่ายความมั่นคงของเทกซัสแจ้งในที่ประชุมข่าววันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม ระบุว่า ระหว่างที่รามอสจะไปถึงประตูเข้าอาคารโรงเรียน มีบุคคล 2 รายเดินเข้ามา เขายิง 2 คนนั้น แล้วดึงเครื่องกีดขวางมากั้นประตูทางเข้า

หลังจากแสดงทักษะการต่อสู้ด้วยการดึงเครื่องกีดขวางปิดทางเข้าอาคาร แล้วมุ่งหน้าลึกเข้าไปตามทางเดิน เลี้ยวขวาสู่ทางเข้าห้องเรียนต่างๆ ที่เรียงรายเป็นกลุ่มห้องปีกข้างซ้ายกับกลุ่มห้องปีกข้างขวา โดยเข้าประตูห้องเรียนแรกทางซ้าย อันเป็นชั้นเรียนเกรด 4 ซึ่งเป็นห้องเรียน 2 ห้องที่ต่อเนื่องถึงกันได้ผ่านช่องกำแพงด้านใน รามอส ล็อกประตูและยึดชั้นเรียนนั้นไว้ในอำนาจของตน ก่อนจะอวดความสามารถในการใช้อาวุธ ด้วยการกระหน่ำยิงเด็กนักเรียนซึ่งอยู่ในวัยตั้งแต่ 9-11 ปี และคุณครู 2 ราย โดยยิงถล่มเป็นห้วงๆ รวมมากกว่า 100 นัด จากห้องหนึ่ง แล้วเคลื่อนสู่อีกห้องหนึ่ง ประดุจคนสติแตกมุ่งแต่จะแผลงฤทธิ์ไปตามที่ได้จินตนาการไว้

เหยื่อคมกระสุนของ รามอส มีจำนวนมากมาย โดยเสียชีวิตทั้งสิ้น 21 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียนหญิงชายหน้าตาน่ารักอนาคตสดใสมากถึง 19 ราย โดยเด็กหญิง 10 ปีรายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตขณะโทรศัพท์แจ้งเหตุไปยังตำรวจ และหนึ่งในคุณครูผู้พลีชีพ ตกเป็นเหยื่อความโกรธแค้นโลกที่เผาใจของรามอส เพราะเธอนำกายของตนเองบังกระสุนให้แก่เด็กนักเรียน


ครอบครัวของแอนนาเบลล์ รอดริเกซ (10 ปี) อยู่ในกลุ่มคนจำนวนมากที่เฝ้ารอข่าวว่าจะได้น้องกลับสู่อ้อมอกหรือไม่ภายหลังเกิดเหตุกราดยิง เวลาประมาณ 19.00 น. จึงมีการเขียนลงเฟซบุ๊กว่า แอนนาเบลล์ เป็นคนหนึ่งที่ถูกคมกระสุนปลิดชีพไปแล้ว “น้องสาวตัวน้อยของฉันสู้ไม่ไหว เธอจะไม่ได้อยู่กับเราอีกแล้ว หนูน้อยแสนหวานผู้น่าสงสารของฉัน” ลูนา พี่สาวของแอนนาเบลล์ เขียน ในเวลาเดียวกัน คุณแม่ของใหม่เต้ รอดริเกซ (10 ปี) เล่าว่า ลูกสาวชอบสีเขียว เลือกรองเท้าเทนนิสก็เลือกสีเขียว แล้วยังเขียนรูปหัวใจไว้ที่รองเท้าข้างขวาด้วย น้องเป็นคนเก่ง หัดเย็บผ้าจากการดูตัวอย่างในยูทูป น้องตั้งใจจะไปเรียนชีววิทยาทางทะเลที่มหาวิทยาลัยเทกซัส เอแอนด์เอ็ม คุณแม่เขียนคำไว้อาลัยใหม่เต้บนเฟซบุ๊กว่า “เมื่อแม่เอนกายลงนอนบนเตียงอันว่างเปล่า น้ำตาไหลอาบแก้มตอนตี 3 แม่อยากจะบอกลูกว่า เราไม่ได้จากกันนะคะลูก แล้วเราจะได้พบกันอีกค่ะหวานใจของแม่”
ยึดห้องเรียนเกรด 4 นาน 90 นาที ในท่ามกลางกลิ่นคาวเลือด ก่อนถูกวิสามัญฯ

นับจากเวลา 11.40 น. ที่มือปืนวัย 18 ปีผู้โกรธเกรี้ยวหมดความรับรู้ถึงสิ่งถูกสิ่งผิด วิ่งเข้าสู่อาคารโรงเรียน ยึดห้องเรียนไว้ได้พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนบนแผงอก และก่ออาชญากรรมร้ายแรงนั้น ตำรวจยูวัลดี 3 นายตามเข้าไปในอาคาร แล้วตำรวจอีกชุดหนึ่งตามเข้าไป 4 นาย รามอสยิงต่อสู้ กระทั่งว่าตำรวจต้องถอยออกมา พร้อมกับขอกำลังเสริม สื่อหลายค่าย เช่น เอพี ซีเอ็นเอ็น เอบีซีนิวส์รายงาน

ภายใน 15 นาที เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหลายหน่วยงานของรัฐบาลกลางมากกว่า 100 นายถูกส่งไปยังโรงเรียน ส่วนหนึ่งรุดเข้าด้านในอาคาร ทำการอพยพเด็กนักเรียนและคุณครูในห้องต่างๆ ออกจากตัวอาคาร โดยมีทั้งหน่วยปฏิบัติการภาคอากาศและทะเล ตลอดจนเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ แต่ยังรอหน่วยสำคัญคือ ตำรวจลาดตระเวนชายแดน (USBP) และหน่วยปฏิบัติการกลยุทธ์ USBP

ในส่วนของการเข้าช่วยเหลือเด็กนักเรียนในห้องเกรด 4 สองห้องที่รามอสยึดไว้นั้น มีการเรียกตัวพนักงานโรงเรียนนำกุญแจมารอที่จะไขประตูเข้าไปช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม หัวหน้าตำรวจโรงเรียนเจ้าของพื้นที่ นาม พีท อาร์เรดอนโด ซึ่งเป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการภายในอาคาร ตัดสินใจที่จะให้รอก่อน โดยประเมินว่าการกราดยิงในห้องเรียนนั้นยุติแล้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 12.15 น.

วิกฤตการณ์ยูวัลดีแห่งรัฐเทกซัสยุติลงในที่สุด เมื่อทีมกลยุทธ์ USBP ไปถึงโรงเรียน ณ เวลา 12.45 น. และไขล็อกประตูพร้อมเปิดปฏิบัติการในเวลา 12.50 น. โดยทีมกลยุทธ์บุกเข้าไปล่อให้มือปืนยิง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกจากเด็กนักเรียน ขณะที่ตำรวจ USBP ก็ทำการวิสามัญฆาตกรรมมือปืนบ้าเลือดนาม ซัลวาดอร์ รามอส ได้สำเร็จในเวลา 12.58 น. เอพี ซีเอ็นเอ็น และเอบีซีนิวส์รายงาน

หลังการปะทะสนั่นหวั่นไหวระหว่าง รามอส มือปืนที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหน่วยต่างๆ นั้น มี 2 รายที่ถูกส่งตัวเข้ารักษาตัวด้วยอาการขั้นวิกฤต ณ ศูนย์การแพทย์ทหารบก Brooke Army Medical Center ในซานอันโตนิโอ ทั้งสองพ้นขีดอันตรายภายในหนึ่งวันที่รักษาตัว แต่ ณ วันศุกร์ก็ยังเป็นผู้ป่วยหนักยังต้องรักษาตัวต่อเนื่อง นอกจากนั้น อีก 3 รายที่ได้รับบาดเจ็บต่างๆ ได้รับการดูแลรักษาที่ Udalve Medical Center โดยไม่ต้องพักรักษาตัวข้ามคืน

เจ้าหน้าที่นำตัวเข้าเสี่ยงรับกระสุนของมือปืน ซึ่งสร้างเครื่องกีดขวางไว้ป้องกันตนเองในห้องเรียน โฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแจ้งผลปฏิบัติการกอบกู้วิกฤตยูวัลดีให้ประชาชนทั้งประเทศทราบผ่านทวิตเตอร์ในวันอังคารที่เกิดเหตุร้ายแรงครั้งนี้

รามอส จบชีวิตทุกข์ยากขมขื่นของตนด้วยวัย 18 ปี โดยเลือกจะเป็นอาชญากรเลือดเดือด ถูกวิสามัญฆาตกรรม ตายอนาถในชีวิตจริงซึ่งไม่ใช่เกมสู้ศึกสงครามที่เคยเล่น พร้อมกับพรากแก้วตาดวงใจของครอบครัวต่างๆ ไปถึง 21 ครอบครัว โดยที่สามีของคุณครูเหยื่อกระสุนรายหนึ่ง ตรอมตรมหัวใจวายเสียชีวิตตามภรรยาไปอย่างน่าสะเทือนใจ ส่วนคุณแม่ของรามอส บอกเอบีซีนิวส์ว่าลูกชายไม่ใช่คนชั่วร้าย แม้จะเกรี้ยวกราดก้าวร้าวเวลาที่โมโหจัด ขณะที่คุณตาบอกว่าไม่เคยระแคะระคายว่าหลานไปซื้อไรเฟิล เพราะหากว่าทราบ ก็จะแจ้งตำรวจอย่างแน่นอน


อาชญากรรมจบ แต่ประเด็นตำรวจยุติวิกฤตล่าช้ายังไม่จบ ถ้าเร็วกว่านี้ เด็กอาจถึงมือหมอและสูญเสียไม่มาก

ประชาชนในเมืองยูวัลดีโกรธแค้นกันมาก ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานล้มเหลวและล่าช้า ส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรม และเด็กตัวเล็กตัวน้อยเสียชีวิตมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน 3 ประเด็นว่า

1.ทำไมตำรวจ 3 นายซึ่งปะทะกับมือปืนวัยรุ่นที่ด้านนอกอาคารเรียน ไม่สามารถจับตัวหรือหยุดยั้งคนร้ายไว้

2.ตามมาตรการป้องกันโรงเรียน ประตูเข้าสู่อาคารเรียนจะต้องถูกล็อกไว้เสมอ แต่ในเหตุร้ายแรงครั้งนี้ ทำไมไม่มีการล็อกประตู จนกระทั่งคนร้ายสามารถบุกเข้าไปก่ออาชญากรรมขั้นอุกฤษฏ์ได้

3.ทำไมหน่วยงานความมั่นคงต้องใช้เวลาถึง 90 นาที กว่าที่จะยุติวิกฤตการณ์สำเร็จ ซึ่งในห้วงเวลาดังกล่าว เด็กๆ ควรจะถึงมือแพทย์และรักษาชีวิตได้ ทั้งนี้ มีเด็กนักเรียน 2 รายที่สามารถประคองลมหายใจไว้ได้นานเพียงพอที่จะไปถึงโรงพยาบาล University Hospital ในซานอันโตนิโอ โดยได้รับการรักษาในฐานะผู้ป่วยวิกฤตนาน 2 วัน อาการจึงกระเตื้องขึ้นมาเป็นผู้ป่วยหนัก และเด็กนักเรียนอีก 8 รายที่ได้รับบาดเจ็บต่างๆ ถูกส่งไปรักษาตัวที่ Uvalde Medical Center แต่ไม่ต้องพักรักษาตัว

ในวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม หน่วยงานความมั่นคงปลอดภัยของเทกซัสเชิญสื่อมวลชนรับฟังการสรุปเหตุการณ์ เอพีรายงานว่าเจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงที่จะตอบข้อข้องใจในประเด็นที่ตำรวจ 3 นายไม่สามารถจับตัวหรือหยุดยั้งคนร้ายไว้ โดย วิคเตอร์ เอสคาลอน ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคของกรมรักษาความปลอดภัยประชาชน - DPS เทกซัส แจ้งนักข่าวเพียงแค่ว่าจะรวบรวมคำถามทั้งหมดไปพิจารณาและจะแจ้งความคืบหน้าในภายหลัง

ยิ่งกว่านั้น ข้อมูลของ ผอ.เอสคาลอน ขัดแย้งกับข้อมูลของจ่าเอริค เอสตราด้า จากหน่วยงานเดียวกัน โดย ผอ.เอสคาลอน บอกว่าเมื่อรามอสไปถึง ไม่มีตำรวจประจำโรงเรียนอยู่ที่นั่น และไม่มีตำรวจ ISD Police ปะทะกับรามอสที่ด้านนอกโรงเรียน

ผอ.เอสคาลอน สรุปเหตุการณ์ว่า หลังจากที่พังรถกระบะที่คูน้ำหลังโรงเรียนและโดดข้ามรั้วเข้าเขตโรงเรียน รามอสยิงใส่ประชาชน 2 รายที่ออกมาจากสถานจัดพิธีศพใกล้ๆ นั้น แล้วรามอสก็เข้าไปในอาคารโรงเรียน “โดยไม่ถูกขัดขวาง” โดยผ่านประตูซึ่งมิได้ล็อก ณ เวลาประมาณ 11.40 น. เอพีรายงานเช่นนี้

พร้อมกันนี้ เอพีอ้างแหล่งข่าวในหน่วยงานความมั่นคงรายหนึ่งที่ขอปกปิดนาม บอกว่าตำรวจประจำโรงเรียนซึ่งมีอาวุธประจำกาย อยู่ระหว่างขับรถในละแวกนั้น แต่มิได้อยู่ที่โรงเรียนในเวลาที่รามอสบุกเข้าไป

ด้านเคน ทรัมป์ ประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของโรงเรียน ชี้ว่าระยะเวลา 90 นาทีทำให้เกิดคำถามหลายประการ

เอพีรายงานคำกล่าวของเคน ทรัมป์ ว่า เมื่อคำนึงถึงแนวปฏิบัติตามมาตรฐานแท้จริงแล้ว มันยากที่จะเข้าใจได้ว่าทำไมจึงมีความล่าช้าหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมื่อทางการได้รับรายงานภายใน 40 นาที แต่ยังใช้เวลาอีกมากกว่าจะเข้ายุติมือปืน

โศกนาฏกรรมยูวัลดี ณ โรงเรียนประถม ร็อบบ์ เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างที่สุด ในเวลาเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานความมั่นคงก็เป็นดรามาร้อนแรงซึ่งยากเย็นสำหรับหน่วยเหนือที่จะอธิบายหรือยอมรับจุดผิดพลาดและบกพร่องภายในกลไกและกระบวนการ

แต่เหนืออื่นใด แกนหลักแห่งต้นตอแท้จริงนั้น ยิ่งยุ่งยากและซับซ้อนขึ้นไปอีก ในประเด็นที่ว่า ในเมื่อผู้คนสามารถครอบครองอาวุธได้โดยง่าย โอกาสที่อาวุธจะตกสู่มือของคนแบบ รามอส จึงมีสูง และการเสียชีวิตของเด็กนักเรียน ตลอดจนประชาชนทั่วไปก็จะเกิดขึ้นไม่จบสิ้น ดังนั้น แม้ฝ่ายสนับสนุนอุตสาหกรรมอาวุธจะแย้งว่าการควบคุมอาวุธมิใช่คำตอบของปัญหา แต่แรงกดดันที่สาธารณชนมีต่อกฎหมายควบคุมอาวุธปืนนับวันที่จะทวีตัว โดยมีรัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้กำหนดกฎหมายของประเทศ เป็นจำเลยของสังคมต่อไปอีกนาน

คุณตาแมนนี เรนโฟร สูญเสีย น้องอูซียาห์ การ์เซีย หลานชายวัย 10 ขวบ ซึ่งเป็นนักเรียนอีกคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อคมกระสุนในวิกฤตการณ์ยูวัลดี คุณตาบอกว่าเสียใจจนไม่รู้จะเสียใจอย่างไรอีกแล้ว เพราะรักหลานมาก เพิ่งได้อยู่ด้วยกันเพียง 5 ปีนับตั้งแต่ที่คุณพ่อเซอร์จิโอ การ์เซีย ส่งอูซียาห์และน้องสาวอีก 2 คนมาฝากเลี้ยง ตลอดที่ผ่านมาหลานชายคนนี้ไม่เคยทำอะไรยุ่งยากให้เลยแม้แต่นิดเดียว “เราใกล้ชิดกันมาก แต่เขาไม่ได้อยู่กับผมอีกต่อไปแล้ว” คุณตาพูดพลางกลั้นสะอื้น  คุณพ่อเซอร์จิโอบอกว่าลูกชายเป็นเด็กน่ารักและสุภาพ ชอบร้องคาราโอเกะ เล่นเกมวิดีโอ “Fortnite” และเล่นกระโดดบน แทรมโพลีน  คุณพ่อสะอึกสะอื้นขณะเล่าความหลังตอนที่สอนลูกชายขี่จักรยาน และเล่นกีฬาต่างๆ ด้วยกัน “เขาเป็นโลกของผม เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม” เซอร์จิโอ การ์เซีย บอก “ตอนนี้ผมจะไม่มีโอกาสได้กอดเขาอีกแล้ว  ไม่มีโอกาสได้หอมแก้มเขาอีกแล้ว”
ความเจ็บปวดที่ไม่ควรเกิดขึ้น และชีวิตเหมือนฝันกับความตายที่ราวจะไม่ใช่เรื่องจริง

อีเลียนา “เอลลี” การ์เซีย เป็นเด็กหญิง 9 ปีผู้มีน้ำใจงาม ช่างช่วยเหลือใครๆ ไปทั่วบ้าน คุณตาคุณยายบอกว่า เอลลีหลงรักภาพยนตร์การ์ตูน “เอนคานโต” ใฝ่ฝันจะได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ และเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล น้องตั้งตาคอยที่จะได้สวมชุดสวยสีม่วงในพิธีฉลองวันเกิดครบรอบ 15 ปี และในอนาคต น้องอยากเป็นครู

ในวันอังคารมหาวิปโยค คุณตา โรเกลิโอ ลูโก วัย 63 ขับรถตระเวนไปสอบถามตามโรงพยาบาลต่างๆ จากนั้นก็ไปเฝ้ารอฟังข่าวร้ายอยู่ที่ศูนย์ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน คุณตาเฝ้ามองเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากปากของลูกสาวและลูกเขย เพื่อไปเปรียบเทียบกับของหลานสาว

เวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่เริ่มเรียกชื่อผู้ปกครอง บอกให้เข้าไปที่ห้องด้านหลังเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการเสียชีวิตของลูกหลาน

“เมื่อคุณถูกเรียกชื่อให้เข้าไปข้างใน คุณก็รู้เลยว่าลูกหลานคุณไม่รอด” คุณตาเล่าขณะนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านเมื่อวันพุธ (25) แวดล้อมด้วยสมาชิกครอบครัวและเพื่อนๆ

คุณตาได้เห็น เอลลี ครั้งสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ (22) น้องมาค้างช่วงวันสุดสัปดาห์กับคุณตาคุณยาย เตือนให้คุณตาคุณยายอย่าลืมกินยา ช่วยตัดหญ้าในสนาม ทำตอสตาด้าและชาลูปาให้ทาน และคอยดูแลพวกน้องเล็กๆ เอลลีใส่ใจคุณตามากกระทั่งจะขอช่วยคุณตาทำงานขุดดิน แต่คุณตาบอกว่าให้โตกว่านี้ก่อน

ส่วนคุณยาย เนลดา ลูโก วัย 63 ปี ทำงานเป็นแม่ครัวอยู่ที่โรงเรียนประถมอีกแห่งหนึ่งในอูวัลเด โรงเรียนนี้ถูกสั่งปิดประตูแน่นหนาหลังเกิดเหตุกราดยิง คุณยายรู้จักกับคุณครูทั้ง 2 คนที่ถูกยิงตายในครั้งนี้ด้วย ขณะนั่งอยู่ในครัวเมื่อวันพุธ แวดล้อมด้วยผู้เป็นที่รัก คุณยายบอกว่าความตายที่เกิดขึ้นดูเหมือนกับไม่ใช่เรื่องจริงเลย “เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมา ยังคิดเลยว่า ‘ฉันฝันอะไรบ้าๆ นะ’” คุณยายบอก

คุณยายเนลาดา บอกว่า เธอเตรียมของขวัญเอาไว้แล้วสำหรับวันเกิดวันที่ 4 มิถุนายนของ เอลลี เป็นกางเกงเลกกิ้ง และตัวต่อเลโก้ คุณพ่อของเอลลี ซึ่งเป็นเซลส์ขายรถและดีเจ เตรียมที่จะเปิดเพลงแดนซ์ที่เอลลีชื่นชอบ แล้วจะถ่ายคลิปเอาไว้ลงติ๊กต็อก

ในตอนท้ายคุณยายบอกว่าเธอต้องใช้ความพยายามมากมายในการอธิบายเหตุกราดยิงให้น้องสาววัย 5 ขวบของเอลลี เพราะยัยตัวเล็กเห็นคุณพ่อคุณแม่ทางทีวีในตอนดึกวันอังคาร

“ทำไมพ่อแม่ต้องไปที่ศูนย์พลเรือนด้วย” หลานตัวน้อยถาม
“ไปตามหาเอลลีจ๊ะลูก” คุณยายตอบ
“ทำไมต้องไปตามหาคะ”
“พี่ของหนูหายไปตอนอยู่ที่โรงเรียน”
“ทำไมถึงหายล่ะคะคุณยาย”
“เพราะเอลลีตายแล้ว”

จากนั้นคุณยายพาหลานคนนี้ขึ้นนอน ถึงตอนเช้า คุณยายเนลาดา เล่าว่า ยัยตัวน้อยไม่ถามอะไรเพิ่มเติม แต่ลูกสาวของคุณยาย ตื่นขึ้นมา แล้วก็ร้องไห้

“มันเศร้ามากค่ะ” คุณยายกล่าว

ป้ายชื่อของ เอลลี การ์เซีย เป็นหนึ่งใน 21 ป้ายชื่อผู้เสียชีวิตด้วยน้ำมือเด็กหนุ่มวัยทีนเอจคนหนึ่งที่เกรี้ยวกราด โกรธโลก เกลียดชังสังคม และทำร้ายมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าราวกับว่านั่นจะทำให้ตนเองอยู่เหนือทุกคน
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา : วอชิงตัน โพสต์ ซีเอ็นเอ็น เอพี บีบีซี รอยเตอร์ แอลเอไทมส์ เว็บไซต์ข่าวมาร์คาดอทคอม หนังสือพิม์เดลี บีสต์)

กำลังโหลดความคิดเห็น