เอพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ร่างที่รั่วไหลออกมาสู่ภายนอกที่มีเนื้อหาต้องการให้ 10 ชาติหมู่เกาะแปซิฟิกยอมลงนามข้อตกลงครั้งสำคัญที่ฟิจิสัปดาห์หน้าด้านการป้องกันประเทศ ตั้งแต่ความมั่นคงไปจนถึงการประมง ซึ่งหนึ่งในผู้นำออกมาเตือนให้ระวังปักกิ่งเข้าควบคุมภูมิภาค รัฐมนตรีออสเตรเลียคนใหม่เชื้อสายเอเชีย เพนนี หว่อง เดินทางเข้าฟิจิ ระหว่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง ยี เดินทางไปหมู่เกาะโซโลมอน ระหว่างทัวร์แปซิฟิก 10 วัน 8 ประเทศ
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) ว่า ร่างของข้อตกลงที่ทางเอพีได้เห็นแสดงเนื้อหากล่าวว่า จีนต้องการส่งตำรวจจีนมาฝึกซ้อมให้ตำรวจในประเทศหมู่เกาะแปฟิซิก 10 ชาติในความร่วมมือการฝึกซ้อมตำรวจระดับสูงระหว่างกันในความร่วมมืออย่างตามปกติและแบบพิเศษทางความมั่นคง รวมไปถึงขยายการบังคับใช้ความร่วมมือทางกฎหมาย
หนึ่งในผู้นำกล่าวแสดงความเห็นเตือนว่า ข้อตกลงที่จีนเสนอเพื่อลงนามร่วมกันกับ 10 ชาติหมู่เกาะแปฟิซิกที่ฟิจิในสัปดาห์หน้าที่มีเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ความมั่นคงประเทศ ความมั่นคงทางไซเบอร์ เกี่ยวกับทางทะเลที่อ่อนไหวเกี่ยวข้องกับการทำประมง และการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติที่หาได้ยากนั้นแท้จริงแล้ว จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ปักกิ่งต้องการเข้ามายึดการควบคุมภูมิภาคนี้ไว้
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า การลงนามข้อตกลงครั้งใหญ่เตรียมเกิดขึ้นระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง ยี เยือนฟิจิสัปดาห์หน้าในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจีน-ชาติหมู่เกาะแปซิฟิก ครั้งที่ 2 ที่หวังเป็นเจ้าภาพ
หวังพร้อมกับคณะทั้งหมด 20 คนจะออกเดินทางทัวร์มาราธอนนาน 10 วัน 8 ประเทศ ซึ่งมีกำหนดจะกลับไปเยือนหมู่เกาะโซโลมอนอีกครั้งในวันนี้ (26) เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียคนใหม่เชื้อสายมาเลเซีย-ออสเตรเลีย และยังเป็นเพศทางเลือกคนแรก เพนนี หว่อง (Penny Wong) จะเดินทางไปถึงฟิจิ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มแรกที่บ่งชี้ว่า ออสเตรเลียต้องการที่จะกระชับความร่วมมือให้ลึกซึ้งมากขึ้นกับบรรดาชาติหมู่เกาะแปฟิซิกทั้งหลาย
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ในการตอบโต้ต่อข้อตกลงที่เสนอจากปักกิ่ง หว่องกล่าวว่า “จีนได้แสดงความตั้งใจอย่างชัดเจน (แต่) ก็เป็นความตั้งใจจากรัฐบาลออสเตรเลียชุดใหม่ด้วยเช่นกัน”
หว่องกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลพรรคแรงงานชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรี แอนโธนี อัลบานีส (Anthony Albanese) จะไม่สร้างความผิดหวังต่อบรรดาสมาชิกชาติหมู่เกาะแปซิฟิกในอดีตเหมือนเมื่อครั้งรัฐบาลออสเตรเลียในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน จากพรรคคอนเซอร์เวตีฟ โดยเธอกล่าวแสดงคำมั่นหลังเดินทางมาถึงฟิจิว่า จะฟังเสียงเรียกร้องจากบรรดาประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกมากขึ้นในปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอากาศโลก โดยรัฐบาลมอร์ริสันที่ไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้เนื่องจากประชาชนออสเตรเลียต้องการเห็นการแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกอย่างเป็นรูปธรรม
หนังสือพิมพ์แคนเบอร์ราไทม์สวันนี้ (26) รายงานว่า หว่องยังกล่าวต่อว่า ในการให้ความช่วยเหลือกับประเทศชาติหมู่เกาะแปซิฟิกทั้งหลายนั้นจะไม่มีข้อบังคับผูกพัน
ซึ่งในทวิตเตอร์นายกรัฐมนตรีฟิจิ แฟรงก์ ไบนิมารามา (Frank Bainimarama) กล่าวว่า เขาจะพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย เพนนี หว่องในวันศุกร์ (27) และจะหารือร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง ยี ต่อในวันจันทร์ (30) โดยกล่าวว่า “ผมถูกถามถึงวาระของฟิจิ และในทุกโต๊ะทั้งหมดสิ่งใดที่สำคัญที่สุดต่อประชาชนของเราและโลกของเรา รวมไปถึงการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ”
เดอะการ์เดียนรายงานว่า หนึ่งในสิ่งที่น่าวิตกสุดเกี่ยวกับข้อตกลงนี้นอกเหนือจากความมั่นคงคือการร่วมมือทางทะเล ซึ่งในร่างระบุว่า จีนเสนอตัวเข้าร่วมพัฒนาแผนการครอบครองทางทะเลและเกี่ยวข้องกับการจัดทำพื้นที่ทางทะเลที่อ่อนไหวและอนุญาตให้ปักกิ่งสามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากรธรรมชาติได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษกล่าวว่า จีนนั้นเป็นผู้เล่นหลักในเซ็กเตอร์การขุดค้นหาทรัพยากรธรรมชาติในภูมิภาคก่อนหน้าแล้ว ซึ่งจากรายงานในปีที่แล้วของเดอะการ์เดียน พบว่า จีนโกยไปมากกว่าครึ่งของจำนวนทั้งหมดหลายตันของอาหารทะเล ท่อนซุง แร่ที่ส่งออกมาจากภูมิภาคในปี 2019 มูลค่าร่วม 3.3 พันล้านดอลลาร์
รอยเตอร์รายงานว่า ก่อนการประชุมที่ฟิจิ พบว่าปักกิ่งได้ส่งเอกสารร่าง“วิสัยทัศน์การพัฒนาร่วม” ( Common Development Vision) รวมถึงแผนปฏิบัตินาน 5 ปีไปให้ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกพิจารณาในเบื้องต้น
ซึ่งในรายละเอียดนอกเหนือจากความมั่นคงทางตำรวจ และทางทะเลรวมการประมงแล้ว ยังกล่าวไปถึงความร่วมมือทางเครือข่ายฐานข้อมูล ระบบศุลกากรอัจฉริยะ และเพื่อให้หมู่เกาะแปซิฟิกสามารถใช้แนวทางความก้าวหน้าอย่างสมดุลทางด้านเทคโนโลยี การพัฒนาเศรษฐกิจ และความมั่นคงประเทศ
ทั้งนี้ ในร่างยังกล่าวต่อว่า จีนได้เสนอข้อตกลงการค้าเสรีจีน-หมู่เกาะแปซิฟิก (China-Pacific Islands Free Trade Area) พร้อมกันนี้ยังสนับสนุนมาตรการสำหรับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอากาศโลกและทางสุขภาพ
ในจดหมายของประธานาธิบดีสหพันธรัฐไมโครนีเซีย เดวิด ปานูเอโล (David Panuelo) กล่าวยืนยันกับผู้นำชาติหมู่เกาะแปซิฟิกรายอื่นๆ ว่า เขาจะออกมาโต้แย้งเพื่อแสดงให้เห็นว่า สิ่งนี้สมควรถูกปฏิเสธเนื่องมาจากจะทำให้เกิด ยุคสงครามเย็น ครั้งใหม่ระหว่างจีนและโลกตะวันตก ซึ่งจะเพิ่มความตึงเครียดเชิงภูมิศาสตร์โดยไม่จำเป็น และยังเป็นการทำให้เสถียรภาพความมั่นคงภูมิภาคตกอยู่ในอันตราย
เขากล่าวต่อว่า “ความเสี่ยงอย่างเป็นรูปธรรมของการที่จีนเข้าควบคุมระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสารของพวกเรา พื้นที่ดินแดนมหาสมุทรของพวกเราและทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ที่อยู่ในนั้น ความมั่นคงทางอากาศของพวกเรา นอกเหนือไปจากผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยของพวกเราแล้วนั่นคือการเพิ่มโอกาสที่ “จีน” จะเข้าสู่ความขัดแย้งกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และนิวซีแลนด์”
เอพีรายงานว่า ในจดหมายของประธานาธิบดีสหพันธรัฐไมโครนีเซีย (Federated States of Micronesia) เดวิด ปานูเอโล (David Panuelo) กล่าวยืนยันกับผู้นำชาติหมู่เกาะแปซิฟิกรายอื่นๆ 21 ชาติว่า เขาจะไม่สนับสนุนแผนของจีนนี้ พร้อมเรียก “วิสัยทัศน์การพัฒนาร่วม” นี้ว่า เป็นข้อตกลงที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดภายในภูมิภาคแปซิฟิกเท่าที่มีมาในยุค สิ่งนี้สมควรถูกปฏิเสธเนื่องมาจากจะทำให้เกิดยุคสงครามเย็นครั้งใหม่ระหว่างจีนและโลกตะวันตก ซึ่งจะเพิ่มความตึงเครียดเชิงภูมิศาสตร์โดยไม่จำเป็น และยังเป็นการทำให้เสถียรภาพความมั่นคงภูมิภาคตกอยู่ในอันตราย
รอยเตอร์รายงานว่า ทั้งนี้ไมโครนีเซียนั้นมีข้อตกลงทางความมั่นคงกับสหรัฐฯ และข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีน