รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ส่งสารกล่าว “สวัสดี” กับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ในวันอาทิตย์ (22 พ.ค.) ระหว่างอยู่ในกรุงโซลยืนยันเตรียมรับทุกสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังตกลงเพิ่มการซ้อมรบสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ชี้จะซัมมิตกับผู้นำเปียงยางต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของผู้นำ พร้อมชี้เกาหลีเหนือยังไม่ตอบข้อเสนอไมตรีจิตของสหรัฐฯ ส่งวัคซีนโควิด-19 ช่วย
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (22 พ.ค.) ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบ เดน แสดงความเห็นกับนักข่าวเกี่ยวกับเกาหลีเหนือระหว่างการเยือนเกาหลีใต้วันสุดท้ายในวันอาทิตย์ (22) เตรียมมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังญี่ปุ่น
ไบเดนมีสารถึงผู้นำเกาหลีเหนือเพียงแค่คำว่า “สวัสดี” ระหว่างเยือนเกาหลีใต้วันอาทิตย์ (22) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของจำนวน 3 วัน โดยเริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์ (20) หลังจากเดินหน้าลุยคุยธุรกิจกับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำแดนโสม ทั้งซัมซุง ฮุนได และแอลจี
เอพีรายงานว่า แอลจีเพิ่งประกาศเพิ่มการลงทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์สำหรับโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ในรัฐจอร์เจียจำนวน 5.5 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ สำหรับบริษัทฮุนไดประกาศสร้างโรงงานในรัฐเทกซัส จำนวน 17 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ จำนวน 6.5 พันล้านดอลลาร์ในรัฐจอร์เจีย
โดยในรัฐจอร์เจียคาดว่าจะสามารถจ้างแรงงานอเมริกันได้ถึง 8,100 คน สำหรับกำลังการผลิต 300,000 คน พร้อมกับแผนเริ่มก่อสร้างทันทีในต้นปีหน้า ส่วนกำลังการผลิตจะเริ่มได้ในปี 2025
ขณะที่ไปเยือนบริษัทซัมซุง ในทันทีที่มาถึงและพบกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ ยุน ซอกยอล ที่นั่นพร้อมกับรองประธานากรรมการบริษัทซัมซุง เจย์ วาย ลี เรียกร้องให้บริษัทชั้นนำเกาหลีใต้เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain)
บริษัทซัมซุงให้คำมั่นในการสร้างโรงงาน 17 พันล้านดอลลาร์ที่รัฐเทกซัส อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์เกาหลีใต้โคเรียจุนกังเดลี
ในระหว่างการเยือนเกาหลีใต้ นอกจากปัญหาการค้าแล้ว ยังมีประเด็นเกาหลีเหนือเกี่ยวข้อง เอบีซีนิวส์รายงานว่า ทำเนียบขาวกล่าวว่า การเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้เป็นช่วงเวลาของจุดเปลี่ยนทางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ
รอยเตอร์รายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวตอบนักข่าวในกรุงโซลว่าเขาไม่ให้ความสนใจต่อข่าวรายงานว่าเปียงยางอาจจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 5 ปี
แต่คำถามเด็ดที่จี้ใจโดยโยงไปถึง “จดหมายรัก” ระหว่างประธานาธิบดีคิม จองอึน และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมไปถึงการแสดงออกทางการทูตที่หวือหวาทั้งซัมมิตกระฉ่อนโลกถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบเบรกทรูครั้งใหญ่ได้ และเกาหลีเหนือได้หวนกลับมาเริ่มต้นการทดสอบมิสไซล์ของตัวเองเป็นว่าเล่นอีกครั้ง รวมถึงการทดสอบมิสไซล์พิสัยข้ามทวีป ICBM ที่แสดงให้เห็นว่าเตรียมความพร้อมในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในไม่ช้า เกาหลีเหนือยังทดสอบอาวุธไฮเปอร์โซนิกเหนือเสียงของตัวเองเช่นกัน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงการคุกคามเกาหลีเหนือว่า “เราเตรียมความพร้อมสำหรับอะไรก็ตามที่เกาหลีเหนือจะทำ”
ซึ่งในวันเสาร์ (21) ประธานาธิบดีไบเดน และประธานาธิบดียุน ตกลงร่วมกันในการที่จะเพิ่มการฝึกซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ และมีความเป็นไปได้ที่จะส่งอาวุธศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ไปยังภูมิภาคเพื่อป้องปรามภัยคุกคามจากการทดสอบอาวุธจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนของเกาหลีเหนือ
ในวันเสาร์ (21) ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยังไม่ตอบข้อเสนอไมตรีจิตของสหรัฐฯ ส่งวัคซีนโควิด-19 สำหรับการระบาดในเกาหลีเหนือโดยไม่มีเงื่อนไข
ทั้งนี้ โควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนักในเกาหลีเหนือ โดยมียอดผู้ป่วยติดเชื้อแล้วถึง 2.4 ล้านคน
“คำตอบคือใช่ ทางเราได้เสนอความช่วยเหลือวัคซีนแต่ไม่ใช่แค่กับเกาหลีเหนือ แต่ยังรวมไปถึงจีนเช่นกัน” ไบเดนกล่าวและเสริมต่อว่า “และเราเตรียมพร้อมที่จะทำเช่นนั้นทันทีแต่เรายังไม่ได้รับคำตอบ”
ทำเนียบขาวกล่าวว่า สหรัฐฯ สัปดาห์ที่แล้วประกาศพร้อมที่จะมอบความช่วยเหลือวัคซีนโควิด-19 ให้เกาหลีเหนือผ่านโครงการ COVAX ของสหประชาชาติ
พร้อมกับเปิดช่องที่พร้อมจะนั่งซัมมิตกับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ “ในกรณีที่ว่าผมจะพบกับผู้นำแห่งเกาหลีเหนือ นั่นต้องขึ้นอยู่กับว่าเขาจะต้องมีความจริงใจและหากที่ว่าเขาต้องมีความจริงจัง”
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ไบเดนกล่าวว่า เขาจะยอมเข้าร่วมเจรจาซัมมิตกับเกาหลีเหนือหากว่าเปียงยางยอมยุติโครงการอาวุธของตัวเองทั้งหมด
เขากล่าวต่อโดยเปรียบไปถึงความผิดพลาดในสมัยรัฐบาลทรัมป์ ว่า “ผมจะไม่ทำในสิ่งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่เพิ่งผ่านมา” และเสริมต่อว่า “ผมจะไม่ยอมให้ต่อเขาในสิ่งที่เขาเฝ้าเพียรต้องการ การได้รับการรับรองจากนานาชาติและความชอบธรรม และให้ในสิ่งที่จะเปิดโอกาสให้เขาเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่จริงจังมากขึ้นถึงในสิ่งที่เขาไม่ได้สนใจอย่างจริงจัง”
ยุนในวันเสาร์ (21) ได้ออกมายืนยันร่วมกับไบเดนในเป้าหมายการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ