มาตรการแบนนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียที่เสนอโดยบรรดาเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (อียู) รังแต่จะเพิ่มรายได้ด้านน้ำมันของมอสโก จากความเห็นของนอร์เบิร์ค รัคเกอร์ หัวหน้าฝ่ายเศรษศาสตร์และการวิจัยยุคใหม่ของบริษัท จูเลียส แบลร์ กลุ่มธุรกิจบริการไพรเวท แบงกิ้งชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
นักวิเคราะห์รายนี้กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว 20 Minuten สื่อมวลชนสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ผลกระทบของการแบนน้ำมันรัสเซีย "เป็นที่ถกเถียงกัน" และอียูควรหาทางเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่านี้ในการก่อความอ่อนแอแก่รัสเซีย ในนั้นรวมถึงเก็บภาษีนำเข้าเพื่อลงโทษ (Punitive Tariff)
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหภาพยุโรปเปิดตัวแผนการหนึ่งที่จะให้ทุกรัฐสมาชิก 27 ชาติแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย มาตรการนี้ซึ่งมีเป้าหมายเล่นงานการเงินของรัสเซีย จะเป็นส่วนหนึ่งมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนที่ตะวันตกกำหนดเล่นงานมอสโก ตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน
"คำถามตัวโตในตอนนี้ก็คือ ตะวันตกจะถาโถมแรงกดดันใส่จีนและอินเดียอย่างไร เพื่อให้มาตรการห้ามนำเข้านี้ส่งผลกระทบหนักหนาสาหัสมากยิ่งขึ้น" รัคเกอร์กล่าว พร้อมระบุก้าวย่างเช่นนี้จะทำให้รัสเซีย ชาติที่อุดมไปด้วยทรัพยากรพลังงาน ค้นหาผู้ซื้อน้ำมันดิบของพวกเขาจากทั่วโลกได้ยากลำบากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รัคเกอร์ คาดหมายว่ามาตรการแบนดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งสูงขึ้นไปอีก หลังจากเคยแตะระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม ซึ่งจะกลับกลายเป็นการช่วยเพิ่มรายได้จากน้ำมันแก่รัสเซีย ชาติที่ถูกคว่ำบาตร
"มาตรการห้ามนำเข้าส่งผลกระทบแก่สวิตเซอร์แลนด์เพียงทางอ้อม" รัคเกอร์กล่าว เนื่องจากประเทศแห่งนี้รับน้ำมันเกือบทั้งหมดมาจากโรงกลั่นต่างๆ ในยุโรปที่ได้รับการสนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนสู่แหล่งน้ำมันทางเลือกอื่นแล้ว "อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงสืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร จะสามารถรับรู้ได้ในสวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน"
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)