รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ฝ่ายตำรวจและทหารฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า สถานการณ์ทั่วไปก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อยู่ในความสงบในระหว่างเตรียมความพร้อมนาทีสุดท้ายก่อนที่คูหาเลือกตั้งจะเปิดขึ้นวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) ผลโพลล่าสุดชี้ อดีต ส.ว.เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายอดีตเผด็จการฟิลิปปินส์ผู้อื้อฉาวจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ท่ามกลางความวิตกจะกลับมาขวางการค้นหาทรัพย์สินที่ซุกไว้ในต่างแดนของตระกูลมาร์กอส
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งฟิลิปปินส์จะออกไปคูหาในวันพรุ่งนี้ (9) เพื่อเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ตำแหน่งสมัย 6 ปี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต และการเลือกตั้งระดับรัฐสภาคองเกรสฟิลิปปินส์และระดับท้องถิ่นในวันเดียวกัน
การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นการพบกันอีกครั้งระหว่างอดีต ส.ว.เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี บุตรชายอดีตเผด็จการฟิลิปปินส์ผู้อื้อฉาว เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส และรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนชื่อดังและเป็นผู้หญิง เลนี โรเบรโด (Leni Robredo) วัย 57 ปีที่เคยเอาชนะเขามาได้อย่างเฉียดฉิวในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ปี 2016 ในฐานะคู่ชิงของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต
ดูเตอร์เตไม่ได้ออกมาให้การสนับสนุนผู้สมัครคนใดอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งครั้งนี้แต่ทว่าได้ส่งให้บุตรสาว ซารา ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ (Sara Duterte-Carpio) ขึ้นในฐานะคู่ชิงร่วมรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ของมาร์กอส และพรรคของดูเตอร์เตให้การสนับสนุน บองบอง มาร์กอส (Bongbong Marcos) ซึ่งเป็นชื่อเรียกของ ส.ว.มาร์กอส จูเนียร์ภายในฟิลิปปินส์
ผู้บัญชากองทัพบกฟิลิปปินส์ พล.ท.อันเดรส เซนติโน (Andres Centino) กล่าววันอาทิตย์ (8) ในงานแถลงข่าวร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์ พล.ต.ท.วินเซนเต ดาเนา (Vicente Danao) และเจ้าหน้าที่คณะกรรมการเลือกตั้งแห่งชาติฟิลิปปินส์มีใจความว่า “พวกเรามีความพร้อมสำหรับสิ่งที่อาจมีความเปลี่ยนแปลง”
และกล่าวต่อว่า “พวกเรามีพันธะ...ที่ต้องทำให้มั่นใจว่าพวกเรามีการเลือกตั้งที่มีความมั่นคง ถูกต้อง เสรี และยุติธรรมในวันพรุ่งนี้”
ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์แถลงว่า “หวังว่าพวกเราจะยังคงมีความสงบไปจนถึงวันสุดท้ายตามระบบการเลือกตั้งของพวกเรา”
ทั้งนี้ โฆษกคณะกรรมการเลือกตั้งฟิลิปปินส์กล่าวถึงสถานการณ์ก่อนวันเลือกตั้งว่ามีความสงบโดยทั่วไป และมีการกระทำผิดเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งราว 16 คดี รวมถึงคดียิงที่จังหวัดนูเวบาเอซีฮา (Nueva Ecija) และจังหวัดอีโลกอสซูร์ (Ilocos Sur)
รอยเตอร์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะยาวนานกว่าปกติเนื่องมาจากมาตรการความปลอดภัยทางโควิด-19 ซึ่งคูหาเลือกตั้งจะเปิดในเวลา 06.00 น. และจะปิดลงในเวลา 19.00 น.ของวันจันทร์ (8)
โพลสำรวจก่อนการเลือกตั้งพบว่า บุตรชายอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ บองบอง มาร์กอส ขึ้นนำในทุกโพลของปีนี้ รอยเตอร์ชี้ว่าในรายงานผลโพลเลือกตั้งของพัลซ์ เอเชีย (Pulse Asia) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ชี้ไปว่า มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ที่ 56% ส่วนโรเบรโดได้ไป 23% และอดีตนักชกแชมเปี้ยนโลกชื่อดัง แมนนี ปาเกียว 7% ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา ฟรานซิสโก โดมาโกโซ (Francisco Domagoso) 4% สำหรับผู้ที่ตอบแบบสอบถาม 2,400 คนในโพลการสำรวจจัดทำเมื่อกลางเดือนเมษายน
เอเอฟพีรายงานวันเสาร์ (7) ว่า บุตรชายเของเผด็จการอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้ยุติการหาเสียงในวันเสาร์ (7) ท่ามกลางผู้ให้การสนับสนุนที่เข้าร่วมการปราศรัยจำนวนมหาศาลจากผลโพลต่างๆ ชี้ไปว่าเขาจะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย โดยโพลครั้งสุดท้ายของ พัลซ์ เอเชีย ได้ไป 56% เหนือกว่าคู่แข่งโรเบรโดที่ได้ไป 33%
เอเอฟพีรายงานว่า หากว่าบองบอง มาร์กอสได้รับการเลือกตั้งกลับเข้าทำเนียบมาลากันยังอีกครั้ง นักวิจารณ์ต่างพากันวิตกว่าเขาจะยุติการค้นหาสมบัติฟิลิปปินส์ที่เคยถูกปล้นออกไปและซุกในต่างแดนในสมัยของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสผู้พ่อ
ทั้งอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฟิลิปปินส์ อีเมลดา มาร์กอส และคนใกล้ชิดเชื่อว่ายักยอกทรัพย์สินออกไปมากถึง 10 พันล้านดอลลาร์จากคลังหลวงในระหว่างการดำรงตำแหน่ง 20 ปี
คณะกรรมาธิการว่าด้วยธรรมาภิบาลแห่งทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ (Presidential Commission on Good Government - PCGG) ถูกตั้งขึ้นเพื่อตามหาทรัพย์สินเหล่านี้กลับคืนมาหลังที่มาร์กอสออกจากตำแหน่ง และครอบครัวต้องลี้ภัยไปที่รัฐฮาวาย และได้เดินทางกลับเข้าฟิลิปปินส์อีกครั้งหลังจากอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสเสียชีวิตลงในปี 1989 ตระกูลมาร์กอสเริ่มกลับเข้าสู่การเมืองฟิลิปปินส์อีกครั้งทั้งบุตรสาว อีมี (Imee) และบองบอง มาร์กอส จูเนียร์ รวมถึงอีเมลดา มาร์กอส วัย 92 ปี ผู้มีฉายารองเท้าหลายพันคู่ที่ได้ถูกจัดแสดงหลังสามีตกอำนาจเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์และดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2010-2019 ก่อนที่จะให้ลูกชายลงชิงต่อ
เดลีบีสต์สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ต้นปีนี้ว่า ชัยชนะของบองบอง มาร์กอส บุตรชายจะทำให้เธอที่ถูกขับไล่ออกจากทำเนียบด้วยการลุกขึ้นสู้ของประชาชนฟิลิปปินส์เกือบ 36 ปีก่อนหน้าสามารถกลับเข้าสู่ทำเนียบมาลากันยังที่คุ้นเคยดีอีกครั้ง ซึ่งชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์จะถือเป็นชัยชนะของ 2 ตระกูลดังฟิลิปปินส์แบบวินวินทั้งตระกูลมาร์กอส และตระกูลดูเตอร์เต
โดยแพททริค ตูเมล (Patrick Tumale) จากเมืองดาเวา แสดงความเห็นกับเดลีบีสต์ว่า มาร์กอสได้รับความนิยมมาจากอิทธิพลทางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอสผู้พ่อ
เอเอฟพีกล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง PCGG สามารถติดตามคืนกลับมาได้ 266 พันล้านเปโซ หรือราว 5 พันล้านดอลลาร์
จูดี ตากูวาโล (Judy Taguiwalo) กลุ่มต่อต้านมาร์กอส CARMMA แสดงความเห็นกับเอเอฟพีว่า “เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ เชื่อว่าจะต้องยุติการสอบสวนต่อความร่ำรวยผิดปกติ และทำให้ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาและมารดาต้องตกไป”
ซึ่งมาถึงปัจจุบัน PCGG ยังคงต้องต่อสู้คดีทางกระบวนการยุติธรรมราว 87 คดีในฟิลิปปินส์และ 2 คดีในสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์เกี่ยวพันทรัพย์สินมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์