รอยเตอร์ - รัฐบาลเครมลินออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ(4 พ.ค.) ปฏิเสธการรายงานข่าวที่อ้างว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน จะใช้วันที่ 9 พ.ค.วันฉลองชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ของอดีตสหภาพโซเวียตเพื่อประกาศทำสงครามกับยูเครนอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อ 1 วันก่อน นายกรัฐมนตรีเยอรมนีออกแถลงการณ์เตือนอย่าประมาทว่าทั้งปูตินและรัฐบาลรัสเซียจะไม่คิดบุกประเทศอื่น ขณะที่ผู้นำฟินแลนด์และสวีเดนบินด่วนจากสแกนดิเนเวียถกเครียดถึงกรุงเบอร์ลิน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ว่า มาจนถึงวันนี้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ยังคงเรียกปฏิบัติการทหารในยูเครนว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” ไม่ใช่สงคราม แต่ทว่าบรรดานักการเมืองชาติตะวันตก และผู้สังเกตการณ์รัสเซียต่างคาดว่า เขาอาจกำลังเตรียมเพื่อการประกาศครั้งใหญ่ในวันจันทร์ (9) ที่เป็นตั้งแต่การประกาศทำสงครามกับยูเครน ไปจนถึงการประกาศชัยชนะ
โฆษกรัฐบาลเครมลิน ดิมิตรี เพสคอฟ กล่าวตอบนักข่าวที่ตั้งคำถามในวันพุธ (4) ว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ประธานาธิบดีปูตินจะประกาศสงครามกับยูเครนในวันที่ 9 พ.ค. แต่ทว่าโฆษกเครมลินตอบกลับมาว่า “ไม่มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น มันช่างไร้สาระ”
เพสคอฟ กล่าวอีกว่า ประชาชนไม่สมควรรับฟังการคาดการณ์เหล่านี้ที่สมควรเป็นการตัดสินใจในการเคลื่อนพลระดับประเทศ
CNN ชี้ว่า เจ้าหน้าที่ตะวันตกต่างเชื่อมานานแล้วว่าปูตินจะยกระดับความสำคัญเชิงสัญลักษณ์และคุณค่าของการโฆษณาชวนเชื่อของวันสำคัญด้วยการประกาศการประสบความสำเร็จทางทหารในยูเครนหรือการยกระดับความเป็นศัตรูครั้งใหญ่ หรือทำทั้ง 2 ประการ
ที่ผ่านมา ผู้นำรัสเซียออกคำสั่งเริ่มปฏิบัติการรุกรานยูเครน 1 วันหลังวันพิทักษ์ปิตุภูมิ (Defender of the Fatherland Day) ที่ตรงกับวันที่ 23 ก.พ. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันที่เป็นวันสำคัญทางการทหารของรัสเซีย
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ที่ผ่านมารัสเซียเสียกำลังพลไปแล้วไม่ต่ำกว่า 15,000 นาย นับตั้งแต่เริ่มต้น อ้างอิงจาก เจมส์ นิกซีย์ (James Nixey) ผู้อำนวยการประจำโครงการรัสเซีย-ยูเรเซียประจำแช็ตแธม เฮาส์ (Chatham House)
ทั้งนี้ เชื่อกันว่าประธานาธิบดีปูติน มีหลายทางเลือกบนโต๊ะ แต่ทว่าการประกาศสงครามถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายมากที่สุด และอีกทางเลือกของผู้นำรัสเซียคือการประกาศใช้ "กฎหมายเคลื่อนกำลังพล" (mobilization law) ที่สามารถใช้ได้กับการสั่งเคลื่อนพลระดับชาติหรือการเคลื่อนพลบางส่วนในกรณีที่เกิดความรุนแรงทางการทหารกับประเทศรัสเซียหรือมีภัยคุกคามโดยตรง และรวมไปถึงผลกระทบจากการปะทะที่จะเกิดขึ้นต่อรัสเซีย
กฎหมายการเคลื่อนพลไม่เพียงแต่จะช่วยให้รัสเซียสามารถรวมกำลังพลได้ แต่ยังทำให้เพิ่มขยายการสั่งเรียกเกณฑ์กำลังพลเพิ่มและเปิดทางให้เครมลินสามารถใช้เศรษฐกิจเพื่่อจ่ายค่าการทำสงคราม CNN รายงาน
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ ชอลซ์ (Olaf Scholz) ในวันอังคาร (4) ออกมาเตือนฟินแลนด์และสวีเดนที่กำลังหารือการเข้าร่วมสมาชิกองค์การนาโต้ว่า อย่าประมาทไม่คิดว่าปูตินที่มีแนวความคิดจักรวรรดินิยมจะไม่ส่งกำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอื่น
ระหว่างการแถลงที่กรุงเบอร์ลิน พบว่า มีนายกรัฐมนตรีสวีเดน และนายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ยืนอยู่ข้างขณะชอลซ์ กำลังแถลงเตือนอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีใครควรคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีรัสเซียและรัฐบาลจะไม่ทำการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการใช้กำลังอีกครั้ง”
รอยเตอร์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ ซันนา มาริน (Sanna Marin) และนายกรัฐมนตรีสวีเดน มักดาลีนา แอนเดอร์สสัน (Magdalena Andersson) ร่วมกับคณะรัฐมนตรีเยอรมนีในการเริ่มต้นประชุมรีทรีท 2 วันที่ชลอซซ์ มีซาเบิร์ก (Schloss Meseberg) ทางเหนือของกรุงเบอร์ลิน หารือเครียดเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป
และในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารสเติร์น (Stern) ของเยอรมนี ชอลซ์กล่าวว่า นโยบายของผู้นำรัสเซียเป็นลักษณะจักรวรรดินิยมและอีกทั้งยังคิดว่าประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบเป็นสนามหลังบ้านของตัวเองทั้งนั้น
“เขาต้องการขยายดินแดนของตัวเองออกไปด้วยการผลักแนวชายแดนให้ขยายด้วยการใช้กำลัง” ชอลซ์กล่าว และเสริมต่อว่า “เขาพยายามอย่างหนักที่จะนำคุณค่าเก่าของรัสเซียให้กลับคืนมาในโลกที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว”
นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า ดูเหมือนผู้นำรัสเซียต้องการที่จะยึดพื้นที่ทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนไว้ และสร้างคอนแท็กไลน์ขึ้นมาใหม่ที่จะจบลงที่ข้อตกลงยุติการหยุดยิง
แต่อย่างไรก็ตาม ชอลซ์กล่าวว่า “นี่จะไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน” และเสริมต่อว่า “เขาต้องบรรลุข้อตกลงกับยูเครน”