รัฐบาลยูเครนออกมาเตือนวานนี้ (29 เม.ย.) ว่าการเจรจาสันติภาพกับมอสโกเสี่ยงที่จะ “ล่ม” เนื่องจากรัสเซียยังเปิดฉากยิงถล่มภาคตะวันออกของยูเครนไม่หยุดหย่อน ขณะที่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่าเงื่อนไขหนึ่งในการเจรจายุติสงครามคือ ชาติตะวันตกต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียด้วย
สำนักข่าวซินหวาของจีนได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ลาฟรอฟ วันนี้ (30) โดยรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียยืนยันว่า การเจรจาสันติภาพกับยูเครนนั้นแม้ “ยากลำบาก” แต่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวันผ่านระบบวิดีโอลิงก์
“ประเด็นในการเจรจายังรวมถึงการทำลายความเป็นนาซี (ของยูเครน) การยอมรับความเป็นจริงใหม่ในทางภูมิรัฐศาสตร์ การยกเลิกคว่ำบาตร (รัสเซีย) และสถานะของภาษารัสเซีย” ลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์โดยไม่ลงรายละเอียด
“เรายังยินดีที่จะเจรจากับพวกเขาต่อไป แม้จะเป็นเรื่องยากลำบากก็ตาม”
ด้านสำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์อ้างคำพูดของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อโปแลนด์ว่า การเจรจาสันติภาพที่ไม่ได้เกิดขึ้นแบบซึ่งหน้ามานานกว่า 1 เดือน “มีโอกาสสูงมากที่จะล่ม” เนื่องจากรัสเซียยังคง “ใช้กลยุทธ์สังหารประชาชน” อยู่
ยูเครนกล่าวหาทหารรัสเซียว่าสังหารหมู่พลเรือนอย่างโหดเหี้ยมขณะที่ถอนตัวออกจากเมืองต่างๆ รอบกรุงเคียฟ แต่มอสโกยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง
เวลานี้มอสโกหันไปโฟกัสที่การยึดดินแดนในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนแทน หลังเปิดศึกโจมตีมานานถึง 9 สัปดาห์จนบ้านเมืองยูเครนพังพินาศ ประชาชนอพยพหนีตายกว่า 5 ล้านคน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ายึดกรุงเคียฟได้
กองทัพรัสเซียได้ยึดเมืองเคอร์ซอน (Kherson) ทางตอนใต้ และสามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของมาริอูโปล (Mariupol) ที่ซึ่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กำลังพยายามเจรจาเพื่อขอเปิดทางอพยพให้แก่พลเรือนและนักรบฝ่ายยูเครนที่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ภายในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล
ลาฟรอฟ บอกกับสื่อจีนว่า มีชาวยูเครนได้รับการอพยพไปยังรัสเซียแล้วประมาณ 1.02 ล้านคน นับตั้งแต่ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. โดยในจำนวนนี้ยังรวมถึงชาวต่างชาติ 120,000 คน และพลเรือนจากสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์และลูฮานสค์ที่ประกาศแยกตัวออกจากยูเครน ขณะที่รัฐบาลเคียฟอ้างว่าพลเรือนหลายพันคนถูก “บังคับ” ให้ข้ามแดนไปรัสเซียโดยไม่เต็มใจ
อังกฤษและสหรัฐฯ แม้จะประกาศสนับสนุนให้ยูเครนเจรจาสันติภาพกับรัสเซียเพื่อยุติสงคราม แต่ก็ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้อง “ติดอาวุธ” ให้เคียฟ
เมื่อวันพฤหัสบดี (28) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ร้องขอให้สภาคองเกรสอนุมัติแพกเกจช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติมอีก 33,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นความช่วยเหลือในด้านอาวุธ
ที่มา : รอยเตอร์