ผลสำรวจเผยชาวอเมริกัน 73% สนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐฯ จัดส่งอาวุธช่วยยูเครน ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดปฏิบัติการรุกรานทางทหารเมื่อเดือน ก.พ.
รอยเตอร์/อิปซอสได้เผยแพร่ผลสำรวจล่าสุดเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ในขณะที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรยุโรปกำลังเตรียมแผนจัดส่งอาวุธหนักให้แก่รัฐบาลเคียฟ และมีคำเตือนจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียว่าตะวันตกไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงในการเกิด “สงครามนิวเคลียร์”
ตัวเลข 73% ถือว่าเพิ่มขึ้นพอสมควรจากผลสำรวจเมื่อปลายเดือน มี.ค. หรือก่อนที่ทั่วโลกจะได้เห็นภาพศพพลเรือนถูกสังหารหมู่ในเมืองบูชา (Bucha) โดยตอนนั้นมีคนอเมริกันเพียง 68% ที่ “สนับสนุน” การจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครน
ผลสำรวจครั้งนี้ยังมีนัยสำคัญต่อการเมืองภายในสหรัฐฯ เนื่องจากฐานเสียงทั้งฝ่ายเดโมแครต และรีพับลิกันส่วนใหญ่ “เห็นด้วย” ที่สหรัฐฯ ลงโทษคว่ำบาตรรัสเซีย และยังบอกด้วยว่าในศึกเลือกตั้งรัฐสภากลางเทอมวันที่ 8 พ.ย. พวกเขาจะเลือกผู้สมัครที่พร้อมให้การสนับสนุนทางทหารต่อยูเครน
ผลสำรวจพบว่า คนอเมริกันราวๆ “ครึ่งหนึ่ง” กังวลว่ารัสเซียอาจจะแทรกแซงศึกเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ด้วยการแพร่ข่าวลวงหรือใช้การโฆษณาชวนเชื่อออนไลน์
ผู้ตอบคำถาม 46% ซึ่งแบ่งออกเป็นฐานเสียงเดโมแครต 70% และรีพับลิกัน 24% ตอบว่า “พอใจ” แนวทางที่ ไบเดน ใช้รับมือวิกฤตการณ์ในยูเครน ส่วนคะแนนความพอใจในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและราคาเชื้อเพลิงอยู่ที่ 37% และ 32% ตามลำดับ
โพลรอยเตอร์/อิปซอสอีกฉบับที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (26) ยังพบว่า มีคนอเมริกันเพียง 42% เท่านั้นที่พอใจการทำงานในภาพรวมของ ไบเดน ซึ่งเป็นตัวเลขเกือบจะต่ำสุดตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ที่มา : รอยเตอร์