เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน วันนี้ (21 เม.ย.) ออกมายกย่องการปลดปล่อยเมืองมาริอูโปล ถือเป็นความสำเร็จปฏิบัติการทหารรัสเซียในยูเครน ยอมเปลี่ยนแผนไม่บุกโรงงานเหล็กกล้า อาโซฟสตาล สตีลเวิร์กส์ (Azovstal steelworks) ที่มีทหารยูเครนหลายพันยันอยู่ด้านในเป็นด่านสุดท้าย ด้านนายกรัฐมนตรีสเปน และนายกรัฐมนตรีเดนมาร์กเดินทางถึงกรุงเคียฟในวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) เพื่อพบกับผู้นำยูเครน
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (21 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน แสดงความยกย่องความสำเร็จหลังจากที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู (Sergei Shoigu) รายงานต่อผู้นำรัสเซียในการประชุมที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ในวันพฤหัสบดี (21) ว่า ขณะนี้กองกำลังรัสเซียสามารถควบคุมเมืองท่ามาริอูโปลไว้ได้สำเร็จแต่ทว่ายังไม่สามารถเข้ายึดโรงงานเหล็กกล้า อาโซฟสตาล สตีลเวิร์กส์ (Azovstal steelworks) ไว้ได้
ชอยกู กล่าวรายงานชี้แจงว่า “มาริอูโปลได้รับการปลดปล่อย” และเสริมต่อว่า “กลุ่มพวกชาตินิยมที่เหลือได้ทำการหลบซ่อนอยู่ภายในโรงงานอาโซฟสตาลของเขตอุตสาหกรรม”
โดยชอยกู ประมาณว่าน่าจะมีทหารยูเครนจำนวนราว 2,000 นาย หลบอยู่ด้านในตัวโรงงานซึ่งเป็นด่านปราการสุดท้ายของการต้านทานจากเคียฟและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินของโรงงานเป็นที่หลบภัย
ปูตินกล่าวในการประชุมได้แสดงความชื่นชมต่อความสำเร็จที่สามารถการปลดปล่อยเมืองมาริอูโปลได้ โดยระบุว่า ถือเป็นความสำเร็จของกองกำลังทหารรัสเซียโดยแท้จริง พร้อมกันนั้น เขายังสั่งการชอยกูให้ยกเลิกคำสั่งการใช้กำลังบุกเข้าไปด้านในโรงงานเหล็กกล้า แต่เปลี่ยนแผนมาเป็นการปิดล้อมแทนให้แม้แต่แทบแมลงวันยังบินออกมาไม่ได้
ทั้งนี้ กลุ่มทหารยูเครนปฏิเสธที่จะยอมแพ้แต่ต้องการหลักประกันทางความปลอดภัย “พวกเราร้องขอเพื่อให้พวกเราสามารถออกมานำร่างผู้เสียชีวิตได้และพลเรือนสามารถเดินออกมาจากอาโซฟสตาล (Azovstal) ได้อย่างไม่ต้องหวาดกลัว" ผู้ช่วยผู้บัญชาการหน่วยอาโซฟตะวันออกไกล ร้อยเอกสเวียโตสลาฟ พาลามาร์ (Sviatoslav Palamar) กล่าว
เอเอฟพีรายงานว่า เชื่อว่ามีพลเมืองจำนวนมากเสียชีวิตอยู่ภายในเมืองมาริอูโปลแห่งนี้ และสำหรับทหารยูเครนจำนวน 2,000 นาย ที่ติดอยู่ด้านในเครือข่ายอุโมงค์ชั้นใต้ดินโรงงานนั้นพบว่าไม่สามารถเข้าถึงทั้งน้ำและอาหาร
การออกมาแสดงความยินดีต่อการปลดปล่อยมาริอูโปลของปูตินเกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) และนายกรัฐมนตรีสเปน เปโดร ซานเชซ (Pedro Sanchez) เดินทางมาถึงกรุงเคียฟเพื่อแสดงการสนับสนุนต่อประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี จากโลกตะวันตก
รอยเตอร์รายงานว่า ผู้นำหญิงเดนมาร์กเดินทางไปเยือนเมืองโบรอดยานกา (Borodyanka) ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการถูกโจมตี และในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV2 ระหว่างที่กำลังเดินสำรวจเมืองท่ามกลางการรักษาจากทหารอย่างแน่นหนาระบุว่า
“เราตั้งใจที่จะส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มมากขึ้นให้ยูเครนเพราะเป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุด”
สำนักนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า การหารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกี จะอยู่ในประเด็นการให้การสนับสนุนเพิ่มเติมต่อประชาชนยูเครนและดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เอเอฟพีรายงานว่า ซานเชซที่เดินทางมาถึงกรุงเคียฟในวันนี้ (21) เช่นกันได้ออกโรงประณามการกระทำของกองกำลังรัสเซียที่เกิดขึ้นในเมืองโบรอดยานกา ว่าเป็นการกระทำที่สุดป่าเถื่อน
เขาได้ทวีตข้อความพร้อมกับวิดีโอคลิประหว่างการเยือนที่เมืองแห่งนี้ “รู้สึกตกตะลึงในการเป็นประจักษ์พยานต่อความโหดร้ายและความป่าเถื่อนของสงครามปูตินบนถนนสายต่างๆ ในเมืองโบรอดยานกา”
และเสริมต่อว่า “พวกเราจะไม่ยอมปล่อยให้ประชาชนชาวยูเครนต้องอยู่โดดเดี่ยว”
เจ้าหน้าตำรวจยูเครนระดับสูงเปิดเผยว่าในวันพุธ (20) มีการค้นพบศพพลเรือนเพิ่ม 9 ศพ ที่มีบางส่วนแสดงให้เห็นว่าถูกทรมาน การค้นพบเกิดขึ้นที่หลุมศพ 2 แห่งรอบเมืองโบรอดยานกา
ทั้งนี้ ก่อนหน้าในวันพุธ (20) นายกรัฐมนตรีสเปนเปิดเผยว่า เขาจะกล่าวต่อเซเลนสกีถึงพันธะสัญญาจากทั้งสหภาพยุโรปและสเปนที่มีอย่างชัดเจนต่อสันติภาพ และสเปนจะพยายามหาทางเพื่อให้การทำสงครามของรัสเซียในยูเครนสิ้นสุดลง