ประธานาธิบดีอับดรับบูห์ มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมน สั่งปลดรองประธานาธิบดี พร้อมประกาศถ่ายโอนอำนาจให้แก่สภาประธานาธิบดี (presidential council) ที่ตั้งขึ้นใหม่โดยการสนับสนุนของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย โดยหวังเปิดทางเจรจาสันติภาพกับฝ่ายกบฏฮูตีนิกายชีอะห์ และยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง 8 ปี
ซาอุฯ ประกาศจับมือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มอบความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่รัฐบาลเยเมน ภายหลังจากที่ ฮาดี ยอมสละอำนาจ และฝากข้อเรียกร้องไปถึงกบฏฮูตีซึ่งยึดพื้นที่ทางตอนเหนือของเยเมนอยู่ให้ยอมเข้าสู่กระบวนการเจรจา
ในความเคลื่อนไหวที่ถือว่ามีนัยสำคัญ รัฐบาล ฮาดี และกบฏฮูตีซึ่งมีอิหร่านหนุนหลังได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 2 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (2 เม.ย.) ซึ่งถือเป็นการหยุดยิงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016
ฮาดี ยังได้สั่งปลดรองประธานาธิบดี อาลี มอห์เซน อัล-อะห์มาร์ (Ali Mohsen al-Ahmar) ซึ่งเป็นนายพลที่มีแนวคิดเอียงข้างอิสลามิสต์ และเป็นบุคคลที่ทั้งฝ่ายกบฏฮูตีและกองกำลังเยเมนทางภาคใต้ต่างก็ไม่ปลื้ม
สำหรับสภาประธานาธิบดีที่ตั้งขึ้นใหม่นี้จะประกอบด้วยคณะทำงาน 8 คน โดยมีประธานคือ ราชาด อัล-อาลีมี (Rashad Al-Alimi) อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยเยเมน และที่ปรึกษาของ ฮาดี ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจากทางซาอุฯ
ฮาดี เปิดเผยว่า สภาประธานาธิบดีจะรับหน้าที่เจรจากับกบฏฮูตีเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงทั่วทั้งเยเมน และจะร่วมกันจัดทำข้อตกลงทางการเมืองขั้นสุดท้ายเพื่อยุติสงคราม
ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศจะอัดฉีดเงินประเทศละ 1,000 ล้านดอลลาร์เข้าสู่ธนาคารกลางของเยเมน โดยซาอุฯ ยังจะมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้อีก 1,000 ล้านดอลลาร์ในรูปของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และการพัฒนาด้านต่างๆ
ฮาดี ถูกพวกกบฏฮูตียึดอำนาจและขับไล่ออกจากกรุงซานาเมื่อปี 2014 ก่อนจะหนีไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นอยู่ที่ซาอุดีอาระเบียตั้งแต่ปี 2015
สงครามกลางเมืองได้คร่าชีวิตชาวเยเมนไปหลายหมื่นคน และยังทำลายระบบเศรษฐกิจจนพังย่อยยับ ส่งผลให้ประชากรเยเมนราว 80% จากทั้งหมด 30 ล้านคนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ที่มา : รอยเตอร์