เอเอฟพี - เกิดเหตุไม่คาดฝันเช้าวันพุธ (6 เม.ย.) หลังมีชายคนหนึ่งขับรถพุ่งเข้าชนประตูรั้วสถานทูตรัสเซียในกรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย ก่อนที่จะจุดไฟเผาตัวเองฆ่าตัวตายภายในรถ เบื้องต้นยังไม่ทราบแรงจูงใจการก่อเหตุ กระทรวงต่างประเทศโรมาเนียแถลงข่าวปัดไม่เกี่ยวกับการเมือง
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (6 เม.ย.) ว่า อัยการโรมาเนีย บ็อกดา สเตคู (Bogdan Staicu) กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “รถพุ่งเข้าชนประตูรั้ว และไม่นานหลังจากนั้นคนที่อยู่ด้านในรถได้จุดบางสิ่งขึ้น และนั่นทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นด้านในตัวรถ”
เขากล่าวต่อว่า “ภายในรถพบภาชนะบรรจุที่มีสารไวไฟถูกพบอยู่”
ทั้งนี้ ภาพถ่ายจากฝีมือช่างภาพมือสมัครเล่นที่เผยแพร่ทั่วโลกโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นรถกำลังไฟไหม้และพุ่งเข้าชนที่ทำการทูตรัสเซียกลางกรุงบูคาเรสต์ของโรมาเนีย ช่วงต้นของวันพุธ (6)
อย่างไรก็ตาม สเตคูกล่าวว่า “จนมาถึงเวลานี้เรายังไม่สามารถสรุปได้ว่าการกระทำนี้เชื่อมโยงกับสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากสถานการณ์ของชายผู้ก่อเหตุเอง”
สื่อโรมาเนียรายงานว่า ชายผู้ก่อเหตุเป็นหัวหน้ากลุ่ม NGO เพื่อสิทธิความเป็นพ่อ และในวันอังคาร (5) เขาถูกตัดสินลงโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 15 ปี ในคดีล่วงละเมิดทางเพศลูกสาววัยรุ่นของตัวเอง
ซึ่งในการโพสต์ครั้งสุดท้ายทางเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุ 2 วันก่อนลงมือเขาเขียนว่า “ผมเป็นชาวยูเครนเหมือนกัน” และกล่าวต่อว่า “พวกเราสมควรคิดว่าพวกเราเป็นชาวยูเครนจนกว่าสงครามป่าเถื่อนนี้จะสิ้นสุดลง”
ด้านคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียที่ทำหน้าที่รับผิดชอบคดีอาชญากรรมร้ายแรงแถลงว่า “มันถูกสื่อสารได้ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการวางแผนมาล่วงหน้าเพื่อต่อต้านตัวแทนรัสเซีย คนขับมีการตะโกนบางอย่างไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศโรมาเนียแถลงปฏิเสธการเกี่ยวข้องทางการเมืองต่อคดีขับรถพุ่งชนประตูรั้วสถานทูตนี้ และเรียกร้องไปยังสถานทูตรัสเซียให้ระงับการตีความใดๆ จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
อาคารสถานทูตรัสเซียตั้งอยู่ในย่านมีอันจะกินในกรุงบูคาเรสต์ ได้รับการป้องกันจากเครื่องสิ่งกีดขวางของตำรวจบนบริเวณทางเท้านับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้น เป็นมาตรการป้องกันจากการประท้วงที่อาจจะเกิดขึ้น