แคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศอย่างเป็นทางการวันนี้ (4 เม.ย.) ว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งหลังอยู่ครบวาระ 5 ปีในเดือน มิ.ย. โดยไม่ลงรับสมัครเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 2
“ดิฉันจะดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดครบวาระ 5 ปีในวันที่ 30 มิ.ย. และชีวิตการทำงานของดิฉันตลอด 42 ปีในรัฐบาล ก็จะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ” ลัม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมยืนยันว่าคณะผู้นำจีน “เข้าใจและเคารพ” การตัดสินใจของเธอที่จะขอกลับไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น
“ดิฉันต้องให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวเป็นอันดับแรก และพวกเขาก็รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ดิฉันควรจะกลับบ้านเสียที” เธอกล่าว
ถ้อยแถลงของ ลัม ในวันนี้ (4) ถือเป็นการยืนยันกระแสข่าวลือที่มีมานานหลายเดือนว่าเธออาจจะไม่ลงสมัครชิงผู้ว่าฯ อีกสมัย
ลัม วัย 64 ปี ซึ่งเริ่มดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดหญิงคนแรกของฮ่องกงเมื่อปี 2017 ยอมรับด้วยว่า เธอได้แจ้งให้ผู้นำปักกิ่งทราบแผนการ “ปลดเกษียณ” ของเธอมานานกว่า 1 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงไม่ได้เปิดให้ประชาชนลงคะแนนโหวตโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องกันมานานหลายปี ทว่าจะเลือกโดยคณะกรรมการเลือกตั้ง 1,500 คน ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.02 ของประชากรฮ่องกง 7.4 ล้านคน
การเลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงคนใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ค. ทว่าจนถึงขณะนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีผู้สมัครคนใดที่มีแนวโน้มเป็นเต็งหนึ่งอย่างชัดเจน
2 นักการเมืองซึ่งเป็นที่คาดหมายว่าอาจจะคว้าตำแหน่งผู้ว่าฯ ฮ่องกงคนต่อไป ได้แก่ “จอห์น ลี” ผู้นำเบอร์ 2 ของฮ่องกงซึ่งเคยมีประสบการณ์ในสายงานความมั่นคงมาก่อน ส่วนอีกคนคือ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง “พอล ชาน”
ลัม ระบุวันนี้ (4) ว่ายังไม่มีรัฐมนตรีคนใดมายื่นหนังสือลาออก ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกที่บุคคลในคณะรัฐมนตรีอย่าง ลี และ ชาน จะต้องทำ หากคิดจะลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้บริหารสูงสุด
สำหรับผู้นำฮ่องกงคนใหม่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ก.ค. หรือตรงกับวันครบรอบ 25 ปีที่อังกฤษคืนเกาะฮ่องกงให้จีน
แคร์รี ลัม ถือเป็นนักการเมืองที่มีทั้งคนรักและคนชังมากพอๆ กัน โดยฝ่ายที่สนับสนุนมองว่าเธอมีความ “จงรักภักดี” ต่อปักกิ่งอย่างเหนียวแน่น และแสดงศักยภาพในการนำพาฮ่องกงข้ามผ่านวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรง ทั้งการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยและโรคระบาดโควิด-19 ขณะที่ฝ่ายนักวิจารณ์ซึ่งรวมถึงรัฐบาลตะวันตกมองว่า ลัม คือผู้นำที่กดขี่เสรีภาพของชาวฮ่องกง และบ่อนทำลายความเป็นศูนย์กลางธุรกิจในภูมิภาคของอดีตเกาะอาณานิคมอังกฤษแห่งนี้
ลัม ยังเป็นผู้บริหารสูงสุดคนแรกของฮ่องกงที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร สืบเนื่องจากการปราบปรามผู้ประท้วงเมื่อปี 2019 ซึ่งทำให้นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหลายรายถูกจับ ติดคุก หรือไม่ก็ต้องลี้ภัยไปต่างแดน
ที่มา : เอเอฟพี