เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ผู้นำสหรัฐฯ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่กรุงบรัสเซลส์ ชี้นาโต้ไม่เคยเป็นปึกแผ่นเช่นนี้มาก่อน ก่อนเดินทางเข้าโปแลนด์วันศุกร์ (25 มี.ค.) ไปเมืองใกล้พรมแดนติดยูเครนเพื่อดูสถานการณ์ด้วยตัวเอง สหรัฐฯ อ้าแขนรับผู้ลี้ภัยยูเครนแสนคน ขณะที่ทั่วโลกสงสัยรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียชื่อดัง เซอร์เก ชอยกู หายตัวจากสาธารณะลึกลับนาน 12 วันเพิ่งปรากฏตัวทางโทรทัศน์ในการประชุมกับผู้นำปูตินวานนี้ (24 มี.ค.)
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (25 มี.ค.) ว่า เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันของสหรัฐฯ จะลงจอดที่เมือง Rzeszow ของโปแลนด์ในวันศุกร์ (25) นำประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เข้าไปดูสถานการณ์ความขัดแย้ง เมืองตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 80 กิโลเมตรจากพรมแดนยูเครน
การเดินทางของไบเดน ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ ต้องการแสดงให้เห็นถึงพันธะสัญญาที่วอชิงตันต้องการปกป้องพันธมิตรนาโต้ท่ามกลางการเกิดสงครามยูเครนที่เพิ่งครบรอบ 1 เดือนเมื่อวานนี้ (24) โดยไบเดนเคยประเมินว่าสงครามครั้งนี้อาจจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
ซึ่งในวันพฤหัสบดี (25) ในการแถลงข่าวที่กรุงบรัสเซลส์ อ้างอิงจาก CBS News ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า องค์การนาโต้มีความสามัคคีอย่างหนักแน่นท่ามกลางความขัดแย้งในยูเครน เขาชี้ต่อว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ออกทุนเพื่อทำให้นาโต้เกิดการแบ่งแยก “(แต่)ไม่เคยมีมาก่อนที่องค์การนาโต้จะมีความเป็นหนึ่งเดียวกันได้มากเท่าวันนี้”
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดน ยังกล่าวว่า เขาสนับสนุนแนวความคิดในการขับรัสเซียออกไปพ้นกลุ่ม G20 ซึ่งเป็นกลุ่มรวมตัวทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวสรุปว่าต้องขึ้นกับ G20 เท่านั้นสำหรับการพิจารณา
ในแถลงการณ์ ไบเดนยังได้ประกาศเพิ่มเงินสนับสนุนทางด้านมนุษยธรรมอีก 1 พันล้านดอลลาร์ และชี้แจงว่าสหรัฐฯ ให้การต้อนรับผู้ลี้ภัยยูเครนจำนวน 100,000 คนเข้าประเทศเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระชาติยุโรปอื่นๆ
เอเอฟพีรายงานว่า นาโต้ในวันพฤหัสบดี (24) ตัดสินใจเพิ่มการป้องกันของตัวเองทางนิวเคลียร์และอาวุธเคมี และส่งกำลังทหารเพิ่มเติมไปประจำที่โรมาเนีย ฮังการี สโลวะเกีย และบัลกาเรีย เตรียมรับมือหากรัสเซียตัดสินใจขยายการบุกพ้นไปจากพรมแดนยูเครนออกไป
ที่โปแลนด์ผู้นำสหรัฐฯ จะพบกับกองกำลังทหารหน่วยพลร่มที่ 82 ของสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียง ซึ่งกองกำลังสหรัฐฯ ประจำอยู่ในโปแลนด์ เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารของนาโต้ในยุโรปตะวันออกรับมือรัสเซีย และเขาจะได้รับรายงานสรุปถึงสถานการณ์ด้านการบรรเทาทุกข์ที่ยากลำบากซึ่งมีพลเมืองยูเครนกว่า 3.5 ล้านคนหนีออกมานอกประเทศ โดยส่วนใหญ่ผ่านออกมาทางโปแลนด์
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ขณะที่เดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (24) ซึ่งมีการประชุมฉุกเฉินนาโต้ ซัมมิต G7 และการประชุม EU เกิดขึ้นในวันเดียวกัน พบว่า จอห์นสันแสดงความเห็นถึงผู้นำรัสเซียว่า "ได้ก้าวข้ามพ้นเส้นแดงไปแล้ว"
“ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ก้าวข้ามพ้นเส้นแดงเข้าไปสู่ความป่าเถื่อน” พร้อมชี้ว่ามีความจำเป็นต้องเพิ่มการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษรัสเซีย รอยเตอร์รายงาน
“มันเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้สิ่งนี้ลุล่วง มาตรการแซงก์ชันของพวกเราให้หนักมากขึ้น...เป็นสิ่งที่พวกเราสามารถทำเพื่อช่วยเหลือยูเครน...(และ) ลงมือเร็วขึ้นเพื่อให้สิ่งนี้สำเร็จ”
รอยเตอร์ชี้ว่า จอห์นสันในวันเดียวกัน (24) ถูกเครมลินประณามว่าเป็นผู้นำที่ต่อต้านรัสเซียมากที่สุด แต่วิธีของเขาจะต้องถึงทางตัน
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู (Sergei Shoigu) ที่ถูกสื่อโลกตะวันตกตั้งข้อสงสัยว่าหายหน้าไปจากสาธารณะจนให้เกิดการสันนิษฐานไปต่างๆ เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้ (24) พบว่าชอยกูปรากฏตัวเป็นครั้งแรกผ่านหน้าจอโทรทัศน์รัสเซีย
รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียปรากฏตัวผ่านหน้าจอในการหารือทางไกลร่วมกับประธานาธิบดีปูตินในวันพฤหัสบดี (24) เดอะการ์เดียนชี้ว่า ชอยกูถือเป็นบุคคลที่รับผิดชอบต่อการทำสงครามยูเครน และเขาไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะมานานร่วม 12 วัน นอกเหนือจากนี้ วาลารี เกราซิมอฟ (Valery Gerasimov) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพรัสเซียไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะเช่นกัน
ซึ่งการหายตัวไปนานทำให้เกิดการตั้งคำถามไปต่างๆ และชี้ไปว่าชอยกู อาจถูกประธานาธิบดีรัสเซียลงโทษจากการที่ปฏิบัติการพิเศษทางการทหารของรัสเซียในยูเครนไม่คืบหน้า และล้มเหลวที่จะเข้ายึดเมืองใหญ่สำคัญในยูเครน เช่น คาร์คิฟ หรือกรุงเคียฟ สำเร็จ และทำให้รัสเซียต้องถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจ
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ก่อนหน้าประชาชนรัสเซียต่างเคยได้เห็นปูตินทำการคุกคามและหยามต่อ เซอร์เก นาริชกิน (Sergei Naryshkin) หัวหน้าข่าวกรองต่างประเทศรัสเซียระหว่างการประชุมถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ซึ่งในสายตาของประชาชนรัสเซียทั่วไปแล้วดูเหมือนปฏิบัติการพิเศษทางการทหารของเครมลินไม่เป็นไปตามแผน และผู้ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดคือ "ชอยกู"