Russian forces double down to complete operation
BY M. K. BHADRAKUMAR
15/03/2022
ยุทธศาสตร์ทางการทหารของรัสเซียเดินหน้าไปตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฝ่ายตะวันตกประโคมกันว่าการปฏิบัติการพิเศษนี้ “ล้มเหลว” แล้ว ทั้งนี้หลังจากสามารถลดระดับสมรรถนะทางทหารของยูเครนลงมาได้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง เวลานี้รัสเซียจึงตั้งท่าจะขยายเพิ่มระดับการปฏิบัติการของตนเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ
หลังจากลดระดับสมรรถนะทางทหารของยูเครนลงมาได้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง เวลานี้รัสเซียจึงตั้งท่าจะขยายเพิ่มระดับการปฏิบัติการพิเศษครั้งนี้ของตนเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ มอสโกเพิ่งส่งสัญญาณหลายประการให้เห็นถึงทิศทางเช่นนี้
สัญญาณประการสำคัญที่สุดมาจากโฆษกเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ (Dmitry Peskov) ผู้ซึ่งแถลงเมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) ว่า “รัสเซียมีศักยภาพเพียงพอสำหรับการดำเนินการปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน การปฏิบัติการนี้กำลังเดินหน้าไปอย่างสอดคล้องกับแผนการแต่แรกเริ่ม และจะเสร็จสิ้นตามกำหนดเวลาและเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์”
อย่างที่ผมได้เขียนเอาไว้มากกว่า 1 ครั้งก่อนหน้านี้ ยุทธศาสตร์ทางการทหารของรัสเซียเดินหน้าไปตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ ตรงกันข้ามกับสิ่งซึ่งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเท็จของฝ่ายตะวันตกที่มีการประโคมกันสนั่นหวั่นไหว พยายามที่จะชี้นำให้เห็น โดยบอกว่าการปฏิบัติการพิเศษนี้ “ล้มเหลว” แล้ว เปสคอฟยังพูดอ้อมๆ ด้วยว่า ไม่ได้มีความสงสัยข้องใจใดๆ จนทำให้ต้องมีการยุติการปฏิบัติการนี้ก่อนกำหนด เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาท่ามกลางเสียงเรียกร้องของฝ่ายตะวันตกให้มี “การหยุดยิง”
เปสคอฟ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ออกคำสั่งอย่างเจาะจงให้กองทัพละเว้นจากการเข้าโจมตีโดยตรงต่อเมืองใหญ่ๆ ทั้งหลาย รวมทั้งกรุงเคียฟด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเสียชีวิตของพลเรือนอย่างสาหัสหนักหนา ด้วยเหตุนี้ เมื่อนำเอาความเป็นจริงของภาคสนามมาพิจารณากันแล้ว การปฏิบัติการคราวนี้จึงเป็นการมุ่งไปที่กลุ่มนาซีใหม่กลุ่มต่างๆ ซึ่งได้นำเอาอาวุธเข้าไปตามพื้นที่พำนักอาศัยที่มีประชากรหนาแน่น
นี่หมายความว่า ยุทธวิธีที่จะใช้ได้ หดแคบลงมาเป็น “การทำงานกับพวกอาวุธสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำสูง โจมตีเล่นงานเฉพาะพวกสิ่งปลูกสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารและทางด้านข้อมูลข่าวสารเท่านั้น” เห็นได้อย่างชัดเจนว่า นี่ยังอธิบายได้ถึงฝีก้าวที่เชื่องช้า และความเข้มข้นของการปฏิบัติการคราวนี้ซึ่งการสู้รบมีการสร่างซานิ่งงันอยู่เป็นพักๆ รวมทั้งเน้นยุทธวิธีเข้าปิดล้อมชุมชนใหญ่ๆ แทนที่จะเข้าโจมตีชุมชนเหล่านี้กันซึ่งๆ หน้า
อย่างไรก็ตาม เปสคอฟบอกว่า เวลานี้พวกชุมชนขนาดใหญ่ต่างถูกล้อมเอาไว้แล้ว กำลังทหาร “ไม่ได้มีการยกเว้น” ในการเข้ายึดเมืองใหญ่ต่างๆ ของยูเครน เพื่อให้ตกอยู่ใน “การควบคุมอย่างสมบูรณ์” ของพวกเขา ในเวลาใกล้ๆ กันนั้นเอง โฆษกกระทรวงกลาโหม อีกอร์ โนนาเชนคอฟ (Igor Konashenkov) ออกมาแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ว่า “โดยรวมแล้ว สถานที่โครงสร้างพื้นฐานการทหารของยูเครน 3,736 แห่งถูกทำให้เสียหายใช้การไม่ได้ อากาศยาน 100 ลำ และอากาศยานไร้นักบิน 139 ลำถูกทำลาย เช่นเดียวกับรถถังและยานหุ้มเกราะอื่นๆ 1,234 คัน, ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง 122 ระบบ, อาวุธของปืนใหญ่สนามและปืนครก 452 ชิ้น, และฮาร์ดแวร์การทหารพิเศษ 1,013 ชุด”
แน่นอนทีเดียว เปสคอฟยังปฏิเสธรายงานข่าวโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายตะวันตก ซึ่งก็ถูกปักกิ่งปฏิเสธมาแล้วเช่นกัน ในเรื่องที่ว่ามอสโกขอความช่วยเหลือทางทหารจากจีน เมื่อพิจารณาว่ากองทหารพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯซึ่งมีกำลังพล 177,194 คน และหนุนหลังด้วยแสนยานุภาพทางอากาศอย่างมหึมา ใช้เวลามากกว่า 40 วันในการเข้ายึดอิรักเมื่อปี 2003 ก็ต้องถือว่าฝ่ายรัสเซียสามารถจัดทำยุทธศาสตร์ที่ฉลาดหลักแหลมออกมา
กระทั่งพวกนักว่าร้ายโจมตีรัสเซียอย่างเลวร้ายที่สุดในโลกตะวันตก ก็จะต้องยอมรับว่าระดับกำลังทหารรัสเซียในยูเครนนั้น อยู่ในจำนวนที่น้อยกว่าเยอะ รวมทั้งกองทหารของ ซัดดัม ฮุสเซน ยังถูกสหรัฐฯบั่นทอนลดระดับลงเรื่อยๆ อย่างเป็นระบบตลอดช่วงเวลา 1 ทศวรรษก่อนหน้าที่จะเข้ารุกรานในปี 2003
ดูจากทัศนะมุมมองของฝ่ายยูเครน ส่วนที่ยากลำบากจริงๆ กำลังเพิ่งเริ่มต้น มาริอูโปล (Mariupol) เมืองท่าทางภาคใต้ไม่สามารถที่จะครองเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว สถานที่ตั้งสำหรับใช้ยิงต่อสู้ทั้งหมดซึ่งพวกกลุ่มนีโอนาซีสร้างขึ้นตามบริเวณชานเมืองมาริอูโปลได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วในทางปฏิบัติ กองทหารรบพิเศษของรัสเซียยังได้กำจัดกองกำลังส่วนหลักๆ ของพวกนาซีใหม่เหล่านี้ ซึ่งจัดวางแฝงฝังเอาไว้ในพื้นที่พำนักอาศัยแห่งต่างๆ ตามแนวขอบนอกของเมือง
ถ้าหากเมืองมาริโอโปลแตก มันจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยจะเป็นการปลดปล่อยให้กองทหารรัสเซียสามารถมุ่งหน้าไปสู่เมืองซาโปริซยา (Zaporizhya) และเมือง ดนิโปร (Dnipro) อันตั้งอยู่ตรงตำแหน่งสำคัญยิ่งบริเวณริมแม่น้ำดนีเปอร์ ที่สามารถควบคุมช่องทางเข้าสู่เคียฟจากทางด้านใต้ เวลาเดียวกัน รัสเซียอาจจะฟื้นการโจมตีซึ่งอยู่ทางด้านใต้ลงมาอีก นั่นคือการบุกจากเมืองเคอร์ซอน (Kherson) มุ่งหน้าสู่เมืองมีโคลายิฟ (Mykolayiv) โดยเล็งไปที่การเข้าล้อมเมืองโอเดสซา (Odessa) เมืองสำคัญระดับเพชรประดับมงกุฎของพื้นที่ชายฝั่งทะเลดำ
เวลาเดียวกัน พวกนักรบรับจ้างของฝ่ายตะวันตกก็ได้ลิ้มรสชาดของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป เมื่อรัสเซียระดมโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อนเข้าใส่ฐานทัพทหารแห่งหนึ่งของยูเครนซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์ไม่ถึง 20 กิโลเมตรในช่วงก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) โดยตามรายงานของฝ่ายรัสเซียระบุว่านักรบรับจ้างชาวต่างชาติถูกสังหารไป 180 คน
โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย พลตรีโคนาเชนคอฟ แถลงในเวลาต่อมาว่า “เราทราบที่ตั้งทุกๆ แห่งของพวกนักรบรับจ้kงในยูเครน พวกเขาจะเจอการโจมตีแบบแม่นยำเฉียบขาดที่ประเคนใส่พวกเขาอย่างต่อเนื่อง” พวกประเทศตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ ซึ่งเบิกโรงเปิดการเผชิญภัยอันผิดพลาดด้วยการจัดส่งนักรบรับจ้างเข้าไปในยูเครนคราวนี้ขึ้นมา อาจจะต้องขบคิดทบทวนกันใหม่
สามารถที่จะกล่าวได้ว่า ทั้งหมดเหล่านี้เมื่อปะติดปะต่อกันก็ทำให้ในเมืองหลวงของพวกโลกตะวันตก รวมทั้งวอชิงตันด้วย เกิดความตระหนักถึงความเป็นจริงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการปฏิบัติการของรัสเซียครั้งนี้ไม่สามารถที่จะขัดขวางได้อีกต่อไปแล้ว และมันจะเดินหน้าไปจนกระทั่งสุดทางของมัน เรื่องนี้มีหลักฐานยืนยันจากการแสดงความคิดเห็นของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ทางสถานีโทรทัศน์ เฟรนช์ทีวี (French TV) ในวันจันทร์ (14 มี.ค.) โดยเขากล่าวเอาไว้ดังนี้:
“ยุโรปไม่สามารถที่จะปลอดภัยได้ ถ้ายุโรปไม่เกี่ยวข้องมีการสนทนากับรัสเซีย นี่คือประวัติศาสตร์ของเรา ภูมิศาสตร์ของเรา ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตั้งใจที่จะพูดจากับประธานาธิบดีปูตินในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ... มันมีความจำเป็นที่จะต้องตระเตรียมเงื่อนไขต่างๆ สำหรับสันติภาพกันตั้งแต่เดี๋ยวนี้แล้ว เพราะสงครามจะจบลงได้เมื่อทุกๆ ฝ่ายนั่งลงที่โต๊ะพูดคุยกัน และวันเวลาจะมาถึงซึ่งจะวินิจฉัยตัดสินกันว่ามีใครกันที่พรักพร้อมให้สัญญาว่าอะไรกันบ้าง ด้วยเหตุนี้ เพื่อทำให้อยู่ในสภาพพรักพร้อม เราจึงต้องเตรียมตัวกันให้พรักพร้อมกันตั้งแต่เดี๋ยวนี้แล้ว”
พูดกันอย่างสรุปก็คือ มาครงกำลังมองไปข้างหน้าสู่ฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการปฏิบัติการของรัสเซียคราวนี้ถึงจุดยุติ “เมื่อทุกๆ ฝ่ายนั่งลงที่โต๊ะพูดคุยกัน ... ซึ่งจะวินิจฉัยตัดสินกันว่ามีใครกันที่พรักพร้อมให้สัญญาว่าอะไรกันบ้าง” จุดสำคัญยังอยู่ตรงที่ว่า มาครง พูดเช่นนี้หลังจากสองสามชั่วโมงก่อนหน้านั้น เขาได้รับโทรศัพท์จากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ
สิ่งที่น่าจะสำคัญยิ่งกว่านั้นอีก ก็คือ สำนักข่าวบลูมเบิร์กเพิ่งรายงานว่า เจค ซุลลิแวน (Jake Sullivan) ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ หาทางติดต่อทางโทรศัพท์กับ นิโคไล ปาตรูเชฟ (Nikolai Patrushev) ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของฝ่ายรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานด้านการเมืองที่ใกล้ที่สุดของปูตินในเครมลิน นี่จะเป็นการติดต่อในระดับสูงเช่นนี้เป็นครั้งแรกโดยฝ่ายวอชิงตัน ตั้งแต่ที่การปฏิบัติการของรัสเซียเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
เอ็ม. เค. ภัทรกุมาร เคยรับราชการเป็นนักการทูตอาชีพในกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเป็นเวลากว่า 29 ปี ในตำแหน่งต่างๆ เป็นต้นว่า เอกอัครราชทูตอินเดียประจำอุซเบกิสถาน (ปี 1995-1998) และเอกอัครราชทูตอินเดียประจำตุรกี (ปี 1998-2001) ปัจจุบันเขาเขียนอยู่ในบล็อก “อินเดียน พันช์ไลน์” (Indian Punchline)
ข้อเขียนชิ้นนี้มาจากบล็อก “อินเดียน พันช์ไลน์” (Indian Punchline) ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ https://www.indianpunchline.com/russian-forces-double-down-to-complete-operation/