เอเจนซีส์ - รัฐบาลออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์ยื่นฟ้องทางกฎหมายคดีใหม่ต่อรัสเซียฐานเอี่ยวการตกของเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 ในยูเครนเมื่อปี 2014 โดยอ้างไปถึงยังคงมีความจำเป็นต้องให้มอสโกรับผิดชอบหลังจากการบุกยึดยูเครน
NPR สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ว่า ทั้งนี้ พบว่าทั้งแคนเบอร์ราและอัมสเตอร์ดัมได้เริ่มต้นกระบวนการทางกฎหมายในองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ICAO ในวันจันทร์ (14) อ้างอิงจากแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สกอตต์ มอร์ริสสัน โดยศูนย์กลางคดีจะอยู่ที่การตกของเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินพาณิชย์มาเลเซียแอร์ไลน์สเหนือน่านฟ้ายูเครนปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่รัสเซียผนวกแหลมไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย หลังอดีตประธานาธิบดียูเครนซึ่งสนับสนุนมอสโก วิกเตอร์ ยานูโควิช ถูกประชาชนลุกฮือขับไล่จนต้องลงจากอำนาจ
ทั้งนี้ บนเครื่องมีผู้โดยสารทั้งหมด 298 คน ที่ส่วนใหญ่มาจากเนเธอร์แลนด์เสียชีวิตทั้งหมด โดยทีมสอบสวนนานาชาติสรุปว่า MH17 ถูกยิงตกโดยระบบมิสไซล์ BUK ของรัสเซียที่ถูกส่งเข้าไปในพื้นที่เขตสู้รบของฝ่ายกบฏในยูเครนตะวันออก แต่มอสโกที่ผ่านมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องมาโดยตลอด
ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2018 ทั้งออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์ยืนยันอย่างเป็นทางการให้รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบการตกของ MH17 และทางมอร์ริสสันกล่าวว่า รัสเซียถอนออกไปแต่ฝ่ายเดียวจากการเจรจาในตุลาคมปี 2020 และปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วนที่จะหวนกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาอีกรอบ
“การปฏิเสธของสหพันธรัฐรัสเซียในความรับผิดชอบต่อบทบาทของตัวเองต่อการตกของเครื่องบินเที่ยว MH17 ถือเป็นสิ่งที่รับไม่ได้โดยสิ้นเชิง และทางรัฐบาลออสเตรเลียเคยกล่าวเสมอว่า จะไม่ยกเว้นทางเลือกทางกฎหมายใดๆ ในการตามหาความเป็นธรรมของเรา” นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียชี้
และเสริมต่อว่า อัยการฝั่งเนเธอร์แลนด์กำลังไต่สวนรับหลังผู้ต้องสงสัย 4 คนที่เกี่ยวพัน และอีกทั้งเนเธอร์แลนด์ยังฟ้องรัสเซียที่ศาลยุโรปด้านสิทธิมนุษยชน
ด้านรัฐบาลอัมสเตอร์ดัมกล่าวผ่านแถลงการณ์ที่แยกต่างหากระบุว่า ได้มีการแจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของดัตช์
รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ Wopke Hoekstra กล่าวว่า “รัฐบาลจะยังคงทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อทำให้รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการตกของเครื่องบินเที่ยว MH17 และบังคับใช้คำพิพากษาระหว่างประเทศ” และเสริมต่อว่า “เราไม่สามารถและจะไม่ยอมปล่อยให้การตายของ 298 คน ที่รวมไปถึงพลเมืองดัตช์ 196 คนต้องผ่านไปโดยที่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันในยูเครนยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญนี้”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายดัตช์ยืนยันว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดไม่เกี่ยวข้องกับสงครามที่รัสเซียกำลังทำอยู่ในยูเครนในปัจจุบัน