เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ - คนอเมริกันสุดช็อกราคาน้ำมันในสงครามยูเครนพุ่งทั่วประเทศ โดยเฉลี่ยตก 4.17 ดอลลาร์ต่อแกลลอนไปแล้วสำหรับน้ำมันเบนซิน แถมบางที่เจอกว่า 6 ดอลลาร์ ล่าสุด เปิดเผยผู้นำสหรัฐฯ แอบส่งเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบินเข้าเวเนซุเอลาช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเจรจาผ่อนคลายคว่ำบาตรน้ำมันแก้เกมสงครามพลังงานกับรัสเซีย ทำเนียบขาวแถลงยืนยันมีการเจรจาเกิดขึ้นจริง แถมสามารถปล่อยตัวชาวอเมริกันที่อยู่ในคุกคาราคัส ออกมาได้ 2 คน
เอพีรายงานวันนี้ (9 มี.ค.) ว่า ทำเนียบขาวแถลงคืนวานนี้ (8) ว่า ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐฯ 2 คน ที่อยู่ในเรือนจำกรุงคาราคัส ออกมาได้คือ กุสตาโว คาร์เดนาส (Gustavo Cardenas) และอีกคนที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อปีที่แล้วในสิ่่งที่ทำเนียบขาวชี้ว่า "เป็นข้อหาที่สร้างขึ้น" คือ ฮอร์เก เฟอร์นานเดซ (Jorge Fernandez)
เป็นการเดินทางของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวไปยังเวเนซุเอลาครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี เกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ถือเป็นการเดินทางแบบปิดลับของสหรัฐฯ
การปล่อยตัวเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ส่งสัญญาณแสดงความสนใจในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกำลังยุ่งกับสงครามยูเครน ส่งผลทำให้ราคาพลังงานทั่วโลกถีบตัวสูงขึ้นและเป็นราคาเสรีภาพที่ประชาชนโลกตะวันตกรวมไปถึงในสหรัฐฯ ยอมจ่าย ซึ่งพบว่าเมื่อวานนี้ (8) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ถึงแม้จะรู้ถึงวิกฤตราคาพลังงานในประเทศพุ่งแต่ยังคงเดินหน้าประกาศยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานเมื่อวานนี้ (8) อ้างอิงข้อมูลราคาน้ำมันจาก AAA ของสหรัฐฯ พบว่า ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในสหรัฐฯ ล่าสุดแตะที่ 4.17 ดอลลาร์ต่อแกลลอนทำลายสถิติก่อนหน้าเมื่อกรกฎาคมปี 2018 ที่ 4.11 ดอลลาร์ และนักวิเคราะห์ต่างออกมาเตือนผู้บริโภคอเมริกันที่ใช้รถในการเดินทางเกือบ 100% ทั้งประเทศว่า ความเลวร้ายขั้นสาหัสกำลังจะตามมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหากว่าความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ทางการเมืองระหว่างรัสเซียและโลกตะวันตกถูกยกระดับเพิ่มขึ้น
นิวยอร์กโพสต์ชี้ว่า สำหรับผู้บริโภคอเมริกันที่อาศัยอยู่ในรัฐภาษีสูงกำลังเผชิญหน้ากับค่าใช้จ่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างพรวดพราด โดยรัฐแคลิฟอร์เนียเผชิญกับอัตราราคาน้ำมันสูงสุดโดยเฉลี่ยทั่วทั้งรัฐที่บรรดานักขับเห็นราคาน่าสุดสะพรึง
อ้างอิงจากราคาน้ำมันปั้มเชฟรอนที่ลอสแองเจลิส พบว่า ราคาน้ำมันสูตรปกติ 87 อยู่ที่ 6.95 ดอลลาร์ สูตรพลัส 89 อยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์ สูตรสุพรีม 94 อยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์ และน้ำมันดีเซลหมายเลข 2 อยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์ และพบว่ามีบางปั๊มที่ถนนเบรเวอรีฮิล ราคาเกิน 7 ดอลลาร์ต่อแกลลอนไปเป็นที่เรียบร้อย สถานีโทรทัศน์ในสหรัฐฯ ต่างรายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันที่หน้าปั๊มอย่างคึกคัก และมีบางส่วนได้ออกไปสัมภาษณ์กับนักขับที่มีบางส่วนกล่าวแสดงความเห็นว่า จะหันไปใช้บริการทางสาธารณะเป็นต้นว่า รถบัส หรือรถไฟใต้ดินแทน
รอยเตอร์รายงานพิเศษเมื่อวานนี้ (8) ระบุว่า แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ทีมทำเนียบขาวของไบเดน เดินทางไปเวเนซุเอลาในวันเสาร์ (5) เพื่อเป้าหมายต้องการเจรจาการผ่อนคลายการคว่ำบาตรพลังงานกับเวเนซุเอลา และให้คาราคัสส่งน้ำมันโดยตรงมายังสหรัฐฯ
ทั้งนี้ พบว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้เวเนซุเอลาจัดส่งอย่างน้อยส่วนหนึ่งของน้ำมันเพื่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่จะถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงใดๆ ต่อการผ่อนคลายการคว่ำบาตรทางการค้าน้ำมันต่อเวเนซุเอลาที่เป็นชาติสมาชิก OPEC อ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิด 2 คน
ในเวลานี้พบว่านักการทูตสหรัฐฯ กำลังหัวหมุนในการค้นหาแหล่งพลังงานทั่วโลกที่จะสามารถเยียวยาต่อผลกระทบจากการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรัสเซียได้ มีรายงานว่า ทีมทำเนียบขาวเข้าพบกับประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ในกรุงคาราคัสในวันเสาร์ (5) ถือเป็นการเจรจาระดับทวิภาคีครั้งแรกในรอบหลายปี ซึ่งเวเนซุเอลาอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2019 ในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และจะสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้อีกครั้งหากว่ามาตรการเหล่านี้ถูกผ่อนคลายลง
อย่างไรก็ตาม พบว่าในการเจราเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้ว่า มาตรการผ่อนคลายสหรัฐฯ ใดๆ ที่จะเกิดขึ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเวเนซุเอลาต้องส่งน้ำมันโดยตรงไปยังสหรัฐฯ แหล่งข่าวกล่าว รอยเตร์ชี้ว่า หากว่าวอชิงตันตัดสินใจผ่อนคลายการคว่ำบาตรจริง บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ เชฟรอน สามารถที่จะกลับมาฟื้นการผลิตได้บางส่วนในเวเนซุเอลา และกลับมาเริ่มส่งออกของตัวเองและโรงกลั่นอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ชายฝั่งสหรัฐฯ ด้านติดกับอ่าวเม็กซิโกเพื่อแทนที่การนำเข้าน้ำมันรัสเซีย หนึ่งในแหล่งข่าวเปิดเผย
แต่ทว่ารอยเตอร์ชี้ว่า ยังคงไม่มีการคาดหวังได้มากนักเนื่องมาจากในการเจรจาช่วงสุดสัปดาห์ที่ว่านี้มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นเล็กน้อยแต่ถือเป็นความพยายามครั้งใหม่จากวอชิงตันที่พยายามที่จะดึงมาดูโร ให้ห่างจากพันธมิตรประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และมีการตกลงในการหารือเพิ่มเติมในอนาคตระหว่าง 2 ฝ่าย
ซึ่งนอกเหนือจากการเจรจาทางพลังงานซึ่งเป็นหัวข้อหลัก ยังพบว่าฝ่ายสหรัฐฯ ยังคงกดดันเวเนซุเอลาให้เปิดการเลือกตั้งเสรี และการปล่อยตัวนักโทษอเมริกันในเรือนจำให้เป็นอิสระ ขณะที่ประธานาธิบดีมาดูโร เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาอย่างเป็นวงกว้าง