เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - กระทรวงกลาโหมยูเครนแถลงวันนี้ (8 มี.ค.) ว่า พล.ต.วิตาลี เกราซิมอฟ (Vitaly Gerasimov) หัวหน้าชุดคณะทำงานและผู้ช่วยผู้บัญชาการกองกำลังที่ 41 เสียชีวิตพร้อมกับคนอื่นๆ ยืนยันมีทหารรัสเซียดับในการต่อสู้ไปแล้วรวมกว่า 12,000 นายในสงคราม รถถัง 300 กว่าคันถูกทำลาย ยานยนต์หุ้มเกราะจำนวน 1,000 คันถูกทำลาย เครื่องบิน 48 ลำ เฮลิคอปเตอร์รัสเซียจำนวน 80 ลำ และเรืออีก 3 ลำ กาชาดสากลแถลงวานนี้ (7 มี.ค.) เส้นทางอพยพฉุกเฉินทางมนุษยธรรมในมาริอูโปลที่รัสเซียเปิดให้โรยไปด้วยสนามทุ่นระเบิด
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (8 มี.ค.) ว่า กระทรวงกลาโหมยูเครนแถลงในวันอังคาร (8) ว่า ว่า พล.ต.วิตาลี เกราซิมอฟ (Vitaly Gerasimov)หัวหน้าชุดคณะทำงานและผู้ช่วยผู้บัญชาการกองกำลังที่ 41 เสียชีวิตไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียคนอื่นในการสู้รบที่เมืองคาร์คิฟ (Kharkiv) ทางตะวันออกของยูเครน ถือเป็นการสูญเสียร้ายแรงของฝ่ายรัสเซีย
ในแถลงการณ์ชี้ว่า พล.ต.เกราซิมอฟ เคยผ่านสงครามเชเชนครั้งที่ 2 ช่วงระหว่างปี 1999-2000 รวมไปถึงปฏิบัติการทหารรัสเซียในซีเรีย และการผนวกแหลมไครเมียของรัสเซียเมื่อปี 2014
พบว่าหน่วยข่าวกรองยูเครนสามารถสอดแนมการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรัสเซีย FSB จำนวน 2 คนไว้ได้ที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน โดยในการสนทนาครั้งแรกพบว่าเจ้าหน้าที่รัสเซียบ่นว่า สูญเสียช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัยในยูเครน และบรรยายสถานการณ์ว่า "คับขัน"
และในการสนทนาครั้งที่สอง มีเจ้าหน้าที่รัสเซียคนหนึ่งกล่าวไปถึง พล.ต.วิตาลี เกราซิมอฟ ถูกสังหาร และมีเจ้าหน้าที่จำนวนไม่กี่คนได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ พบว่าในครั้งแรกคลิปเสียงสนทนานี้ถูกโพสต์ขึ้นพร้อมกับแถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมยูเครน แต่ในภายหลังถูกนำออกไป แต่เชื่อว่าคลิปเสียงยังคงถูกเผยแพร่บนยูทูป
เดอะการ์เดียนรายงานว่า สำนักข่าวเชิงสอบสวนเบลลิงแคท (Bellingcat) ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของ พล.ต.เกราซิมอฟ โดยอ้างอิงแหล่งข่าวรัสเซีย เดอะการ์เดียนรายงานว่า เขาเป็นนายพลรัสเซียคนที่ 2 ที่เสียชีวิตในสงครามบุกยูเครน โดยในช่วงต้นมีนาคม ฝ่ายรัสเซียยืนยันการเสียชีวิตของ พล.ต.อันเดร ซูโคเวตสกี (Andrei Sukhovetsky)
การสูญเสียระดับนายพลของรัสเซียเกิดขึ้นท่ามกลางการบุกยึดยูเครนของผู้นำรัสเซียเกิดอุปสรรคจากปัญหาด้านโลจิสติกส์ ขวัญกำลังใจ และการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายยูเครน และความล้มเหลงของช่องทางการสื่อสารปลอดภัยของรัสเซียอาจจะเป็นหนึ่งอีกสาเหตุ
อ้างอิงจากเดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า เคียฟแถลงการณ์ยืนยันในวันนี้ (8) อ้างว่ามีทหารรัสเซียจำนวน 12,000 นายเสียชีวิตในการสู้รบ และฝั่งยูเครนสามารถทำลายรถถังรัสเซียไปได้กว่า 300 คัน ยานยนต์หุ้มเกราะจำนวน 1,000 คันถูกทำลาย เครื่องบิน 48 ลำ เฮลิคอปเตอร์รัสเซียจำนวน 80 ลำ และเรืออีก 3 ลำ สื่ออังกฤษชี้ว่า ฝ่ายมอสโกยอมรับว่ามีการสูญเสียแต่ไม่ยอมเปิดเผยในรายละเอียดส่วนความสูญเสียฝั่งเคียฟยังไม่เป็นที่แน่ชัด
ซึ่งภาพทางยูทูปของหนังสือพิมพ์เดอะซันรายงาน เครื่องบินรบของรัสเซียถูกมิสไซล์ที่ยิงออกไปจากกลุ่มกองกำลังกึ่งทหารยูเครนที่เมืองคาร์คิฟวันอาทิตย์ (6) โดยในคลิปแสดงให้เห็นลำแสงเหนือท้องฟ้า และผู้คนที่อยู่เบื้องล่างแสดงความดีใจโห่ร้องและตบมือ อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยูเครน
ขณะที่กองกำลังกึ่งทหารยูเครนแถลงว่า ได้ทำการสู้รบกองกำลังรัสเซียแบบตัวต่อตัวบนถนนในเมืองเออร์ปิน (Irpin) ชานเมืองกรุงเคียฟ
โดยผู้บัญชาการกองกำลังกึ่งทหารยูเครนให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า ในเวลานี้กองกำลังรัสเซียทำการสู้รบในเมืองแบบถนนต่อถนนทั้งในเออร์ปินและบูคา (Bucha) ในความพยายามเพื่อต้องการปิดล้อมกรุงเคียฟซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการเริ่มเปิดฉากสงครามที่ยังคงยืดเยื้่อมานานร่วม 2 สัปดาห์
ในการเปิดเผยผู้บัญชาการกองกำลังกึ่งทหารยูเครนระบุว่า มีคอนวอยขนาดใหญ่ของรัสเซียประกอบไปด้วยกำลังทหาร 200 นายและยานยนต์เบาหุ้มเกราะ 50 คัน พร้อมกับรถถังไม่กี่คันและทางหน่วยสามารถผลักดันออกไปได้ แต่ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าทางกองกำลังจะสามารถทำได้อย่างเต็มที่หรือไม่
นอกจากนี้ พบว่ามีชาวยูเครนบางส่วนเปิดเผยว่า กำลังรัสเซียสั่งให้ประชาชนยูเครนออกไปจากบ้านเรือนของตัวเองเพื่อส่งหน่วยมือสไนเปอร์เข้าไป และพบว่ามีประชาชนถูกยิงด้วยสไนเปอร์ระหว่างพยายามที่จะหลบหนี ซึ่งในเวลานี้มีการตั้งปืนใหญ่ยูเครนเพื่อยันกับกองกำลังรัสเซียระหว่างการเตรียมพร้อมสำหรับเฟสต่อไปของการสู้รบ ผู้บัญชาการรบกล่าว
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียเสนอเปิดเส้นทางอพยพเพื่อมนุษยธรรมเพื่อเปิดโอกาสให้ชาวยูเครนได้ออกไปจาก 5 เมืองใหญ่ของรัสเซีย รวมกรุงเคียฟตั้งแต่เวลา 09.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ (8) ตามข้อตกลงที่ค้างของยูเครน อ้างอิงจากสื่อรัสเซีย
แต่ทั้งนี้พบว่ามีเส้นทางบางส่วนต้องผ่านเข้าไปในรัสเซีย หรือเบลารุสซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยูเครนปฏิเสธในอดีต
บีบีซีรายงานว่า ยูเครนเริ่มต้นการอพยพพลเมืองออกไปจากเมืองเออร์ปินใกล้กับกรุงเคียฟ และคาดว่าจะมีการอพยพมากขึ้นจากเมืองซูมี (Sumy)
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ (7) เจ้าหน้าที่ระดับสูงองค์การกาชาดสากล เปิดเผยกับสื่ออังกฤษว่า เส้นทางออกทางด้านมนุษยธรรมที่ถูกเสนอโดยรัสเซียที่เมืองมาริอูโปล (Mariupol) นั้นเต็มไปด้วยสนามทุ่นระเบิด
โดมินิค สติลฮาร์ท (Dominik Stillhart) ผู้อำนวยการปฏิบัติการขององค์การการชาดสากล ICRC ระบุว่า "นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมีสัญญาที่ชัดเจนสำหรับเราเพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือในพื้นที่"
เขากล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่กาชาดสากลได้พยายามที่จะใช้เส้นทางมนุษยธรรมสายนั้นออกไปจากเมืองมาริอูลโปล ก่อนที่จะตระหนักว่ามันเป็นสนามทุ่นระเบิด ขณะที่รองนายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปล เซอร์เก ออร์ลอฟ (Sergei Orlov) เปิดเผยกับ CNN ในวันจันทร์ (7) ว่า เป้าหมายของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และกองทัพรัสเซียคือการสังหารพลเรือนให้ได้มากที่สุด