ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก พุ่งผ่าน 6 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันจันทร์ (7 มี.ค.) ตามรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อ้างอิงข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์
ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันทั่วโลกลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนที่ผ่านมา ลดลงจากระดับ 11,000 คนต่อวันในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ เหลือราวๆ 7,000 คนต่อวันในเวลานี้ ถือเป็นหนึ่งในอัตราต่ำที่สุดที่รายงานมาในช่วงขวบปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขความสูญเสียยังคงมากอยู่ดี โดยจากข้อมูลพบว่าในช่วง 4 เดือนหลังสุด มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ราวๆ 1 ล้านคน
นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ 1 รายต่อประชากรโลกทุกๆ 1,300 คน และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการนั้นน้อยกว่าความเป็นจริงอย่างมาก
เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ทวีตข้อความในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ว่ายังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะเหนือโควิด-19 "หลายประเทศกำลังเผชิญอัตราคนไข้โควิดเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตในระดับสูง ด้วยที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก ภัยคุกคามของตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายอย่างเดิมยังคงเป็นจริง เราเรียกร้องประชาชนให้ปฏิบัติตัวด้วยความระมัดระวังและขอให้ทุกรัฐบาลอยู่บนเส้นทาง"
สหรัฐฯ รายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่าทุกประเทศในโลก ยอดสะสมอยู่ที่ราวๆ 960,000 คน แต่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ คาดหมายว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ราวๆ 32%
นอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บราซิล รัสเซียและเม็กซิโก เป็นบรรดาชาติที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดลำดับต้นๆ ของโลก นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น
เมื่อวันพุธที่แล้ว (2 มี.ค.) ในรายงานอัปเดตรายสัปดาห์ด้านระบาดวิทยาโควิด-19 องค์การอนามัยโลกเน้นว่ายอดผู้เสียชีวิตกำลังลดลงตามภูมิภาคต่างๆ เกือบทั้งหมดทั่วโลก แต่เพิ่มขึ้นในแถบแปซิฟิกตะวันตกและเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เมื่อเปรียบเทียบกับหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
จนถึงตอนนี้ ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 446 ล้านราย
ราว 57% ของประชากรโลกมากกว่า 4,400 ล้านคน ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว จากข้อมูลของ Our World แต่มันมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเทศ โดยมีประชาชนในบรรดาประเทศรายได้ต่ำเพียงแค่ราวๆ 14% ที่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)