สื่อต่างเผยแพร่ภาพสุดเศร้าในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) เป็นภาพถ่ายจากโดรน ตึกและอาคารบ้านเรือนของเมืองโบโรเดียนกา พังเสียหายยันเยิน หลังการสู้รบอันดุเดือดระหว่างยูเครนกับทหารรัสเซีย พบเห็นยานยนต์แดนหมีขาวถูกเผามอดไหม้อยู่กลางถนน สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์อันเจ็บปวดของภัยสงคราม
ภาพถ่ายจากโดรนหลังการโจมตีและปะทะกันอย่างดุเดือด พบเห็นท้องถนนสายหลักของเมืองเต็มไปได้รถบรรทุกที่ได้รับความเสียหายหลายสิบคัน และเปลวเพลิงยังคงลุกไหม้อาคารสูงต่างๆ หลายหลัง
นอกจากนี้ ในวิดีโอยังพบเห็นยานยนต์ของรัสเซียหลายคันจอดแน่นิ่งกองกันอยู่บริเวณด้านหน้าสำนักงานไปรษณีย์ของเมือง ทั้งหมดถูกไฟเผาไหม้จนแทบจำสภาพเก่าไม่ได้
พบเห็นรถบรรทุกคันหนึ่งยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่บุบสลาย มีสัญลักษณ์ V สีขาวอยู่ตรงกระโปรงหน้ารถ ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในหน่วยทหารอื่นๆ ของรัสเซียในภูมิภาค
ในระหว่างที่โดรนบินไปตามเส้นทางถนน พบเห็นกลุ่มก้อนอาคารสูงหลายแห่งยังมีไฟลุกไหม้ การโจมตีทำให้ห้องต่างๆ บนอาคารเหล่านั้นพังเสียหายยับเยิน เศษซากความเสียหายร่วงอยู่บนท้องถนนด้านล่าง
รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า อาคารสูง 9 ชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามศูนย์ชุมชนของเมืองโบโรเดียนกา เกือบถูกฉีกขาดครึ่ง หลังจากเมืองเล็กๆ แห่งนี้ซึ่งมีประชากรเพียง 13,000 คน ห่างจากกรุงเคียฟ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 56 กิโลเมตร ถูกยิงระเบิดถล่มอย่างหนักในคืนวันพุธ (2 มี.ค.) เปิดทางให้ขบวนทหารรัสเซียรุกคืบเข้ามา
ว่ากันว่าพวกชาวบ้านของเมืองพากันใช้ระเบิดขวดสกัดการรุกคืบของรัสเซีย แต่ไม่เป็นผล "พวกเขาเริ่มยิงจากรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ เข้าใส่สวนสาธารณะที่อยู่ด้านหน้าสำนักงานไปรษณีย์" ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.)
"จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนรถถังและเริ่มยิงเข้าใส่ซูเปอร์มาร์เกต ซึ่งถูกไฟเผาไหม้อยู่ก่อนแล้ว มันลุกท่วมอีกครั้ง" ชาวบ้านเผย "ชายชราคนหนึ่งวิ่งออกไปข้างนอกราวกับเป็นบ้า ทำดวงตาถมึงทึง และบอกว่าเอาระเบิดเพลิงมาให้ผม ผมจะเผารถลำเลียงพลหุ้มเกราะของพวกมัน เอาน้ำมันมา เราจะทำระเบิดเพลิงและเผารถถัง"
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้สูญเสียมากน้อยแค่ไหน ผลจากการยิงระเบิดถล่มและการสู้รบในเมืองนี้ และไม่เป็นที่ชัดเจนกันว่าเมืองแห่งนี้ทำไมถึงอยู่ในความสนใจทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย ทั้งที่มันเป็นเพียงเมืองเล็กๆ
อย่างไรก็ตาม เมืองโบโรเดียนกา อยู่ทางจากเมืองฮอสโตเมล ไปทางตะวันตกราว 29 กิโลเมตร ซึ่งเคยเป็นจุดสู้รบกันอย่างดุเดือด เพื่อควบคุมสนามบินอันโตนอฟ จนกระทั่งตกไปอยู่ภายใต้เงื้อมมือของรัสเซีย
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์/บีบีซี)