เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำไทยในวันจันทร์ (28 ก.พ.) ออกแถลงการณ์ทวิตเตอร์กดดันให้ไทยเลิกใช้ภาษาเป็นกลาง ชี้สงครามยูเครนเป็นความรุนแรงและเป็นสงครามแต่เป็นรัสเซียและรัสเซียเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ 1 วันก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ดอน ปรมัตถ์วินัย ยืนยันไทยจะยังไม่รีบประณามรัสเซียในวิกฤตยูเครน ขณะที่โลกโซเชียลฮือฮามีคนไทยประสบการณ์ทางทหารบุกสถานทูตยูเครน ขอขึ้นตรงหน่วยกองกำลังต่างชาติเตรียมบินเข้ากรุงเคียฟช่วยสงครามรบรัสเซีย ฮือฮาไม่ใช่มีแค่คนเดียว
สแกนเอเชียรายงานวันนี้ว่า (2 มี.ค.) ว่า เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำไทย โจน อัสโตรม โกรนดาห์ล (Jon Åström Gröndahl) ออกแถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์ในวันจันทร์ (28 ก.พ.) กดดันให้ "ไทย" เลิกใช้ภาษาเป็นกลาง ชี้สงครามยูเครนเป็นความรุนแรงและเป็นสงครามแต่เป็นรัสเซียและรัสเซียเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ 1 วันก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ดอน ปรมัติวินัย จะออกมายืนกรานไทยจะยังไม่รีบประณามรัสเซียในวิกฤตยูเครน
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกเวลานี้ต่างออกมาส่งเสียงประณามรัสเซีย ประจักษ์พยานได้ดีจากเหตุการณ์ทูตประเทศต่างๆประจำสหประชาชาติในรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะซันวันนี้ (2) ที่ระบุว่า ซึ่งรวมไปถึงของสหรัฐฯ อังกฤษ และสหภาพยุโรป ต่างพากันเดินออกไปจากห้องประชุมสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 49 ระหว่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ กำลังขึ้นกล่าว แต่ทว่า "ไทย" และอาเซียนที่ผ่านมายังคงมีท่าทีไม่ออกแสดงความเห็นประณามรัสเซียในเวลานี้
โกรนดาห์ล์ทวีตเชิงเชิญชวนและกดดันไปพร้อมกันให้ไทยเลิกธรรมเนียมสงวนท่าทีและหันมายึดถือความถูกต้องด้วยการออกมาแสดงถ้อยคำประณามรัสเซียโดยมีใจความว่า
"มิตรสหายชาวไทยทุกท่าน 🇹🇭 การใช้ภาษานั้นสำคัญ เหตุการณ์ในยูเครนไม่ได้เรียกว่าวิกฤตการณ์ แต่มันคือการรุกราน มันคือสงคราม เราไม่ควรถือว่าเป็นเรื่องที่คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายต่างก่อให้เกิดเหตุอย่างเท่าเทียมกัน เพราะมิได้เป็นเช่นนั้น จึงไม่ต้องขอให้ทั้งสองฝ่ายลดราวาศอก มีเพียงรัสเซียและรัสเซียเท่านั้นจะต้องรับผิดชอบในสิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว #ยืนหยัดกับยูเครน” รายงานจากเฟซบุ๊กของสถานทูตสวีเดนประจำประเทศไทย
ซึ่งหลังจากมีการโพสต์ออกมามีผู้ออกมาแสดงความเห็นชาวไทยทั้งเห็นด้วยและเห็นต่างกันไป โดยมีหนึ่งในความเห็นกล่าวว่า "ให้กำลังใจสวีเดนเเละอยู่เคียงข้างชาวยูเครนครับ" ส่วนอีกคนแสดงความเห็นที่คล้ายกันว่า "โลกแบ่งข้างคราวนี้เป็นการแบ่งแยกชัดเจนเรื่องขั้วความคิด จิตสามัญสำนึก ไม่ได้แบ่งแยกที่เชื้อชาติหรือสีผิว ความรู้ความคิดที่สามารถกระจายได้อย่างกว้างขวางผ่านอินเทอร์เน็ตทำให้เราได้มองเห็นความแตกต่างในสามัญสำนึกของแต่ละคนชัดเจน #ยืนหยัดกับยูเครน" ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นด้วยกับสิ่งที่เอกอัครราชทูตสวีเดนกล่าว ส่วนในฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกล่าวในเชิงตัดพ้อว่า ประเทศไทยไม่ต้องการเข้าข้องเกี่ยวกับสงครามใดๆ และไม่ใช่เป็นสมรภูมิรบของชาติใด และมีบางส่วนกล่าวในเชิงประชดประชันว่า สวีเดนสามารถช่วยเหลือยูเครนได้ด้วยการส่งกำลังร่วมรบกับยูเครน เป็นต้น
ซึ่งการออกแถลงของเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทยเกิดขึ้นก่อนที่ในวันอังคาร (1) รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ดอน ปรมัตถ์วินัย จะยืนยันว่า ไทยจะยังไม่รีบประณามรัสเซียในวิกฤตยูเครน โดยชี้ว่าการเร่งรีบออกมาประณามรัสเซียจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
ซึ่งแหล่งข่าววงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตามการอ้างอิงของสื่อเปิดเผยว่า การที่ท่านทูตดอนออกมาแถลงหลังมีทูตต่างชาติร่วม 25 ประเทศที่มีฐานอยู่ในไทยออกมากดดันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ออกมาแถลงประณามรัสเซียในเรื่องการรุกรานยูเครนและทำตามมติสหประชาชาติ โดยผู้นำไทยกล่าวยืนยันหนักแน่นว่า ไทยจะยังคงทำตามจุดยืนของอาเซียนเกี่ยวกับสงครามยูเครน
ทั้งนี้ บนเฟซบุ๊กของสถานทูตสวีเดนแถลงในวันจันทร์ (28 ก.พ.) ถึงหลักการของสตอกโฮล์มต่อสงครามยูเครนที่มีรัสเซียเป็นผู้รุกรานโดยย้ำว่า สหภาพยุโรปและสวีเดนยืนหยัดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับยูเครนและในการสนับสนุน
ในแถลงการณ์ยังกล่าวอีกว่า สหภาพยุโรปซึ่งสวีเดนเป็นสมาชิกได้ขยายขอบเขตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย นอกจากนี้ยังได้ให้งบจำนวน 500 ล้านยูโร (ประมาณ 18.3 พันล้านบาท) สำหรับจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารให้กองกำลังทางทหารของยูเครน และชี้ต่อว่าและทำให้ในวันนี้ สวีเดนได้ตัดสินใจปิดน่านฟ้าสำหรับพาหนะทางอากาศของรัสเซียทั้งหมด และยังจัดหางบประมาณด้านการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกับหุ้นส่วนที่สำคัญในยูเครนอีกจำนวน 10 ล้านยูโร (ประมาณ 365 ล้านบาท)
ขณะที่กระแสจากโลกโซเชียลมีเดียกำลังฮือฮาถึงข่าวมีคนไทยอาสาที่จะออกไปรบช่วยยูเครน โดยบนทวิตเตอร์ของยูสเซอร์รายหนึ่งทื่มีชื่อว่า Gap.14ขุนพล แสดงภาพคนไทยที่เดินทางมาติดต่อสถานทูตยูเครนประจำประเทศไทยตั้งอยู่บนตึกออลซีซัน เขตลุมพินี พร้อมกับข้อความว่า
"มันมาปลุกผมแต่เช้า ถามว่าไปไหน มันบอกว่าจะไปสมัครทหารยูเครนผมก็คิดว่ามันพูดเล่น มันเอาจริง *มีคนเดินทางมาสมัครเรื่อยๆ เกือบร้อยคนแล้ว."
พร้อมกันนี้ ยังโพสตฺภาพประกาศที่ปิดด้านหน้าสถานทูตถึงคุณสมบัติของผู้ทื่จะได้รับวีซ่ายูเครน แต่ทว่าในรายงานจากสื่อต่างประเทศล่าสุดพบว่า ยูเครนยกเลิกข้อกำหนดวีซ่าเข้าประเทศชั่วคราวสำหรับบุคคลต่างชาติที่ต้องการเข้าร่วมรบกับยูเครน ซึ่งเฟซบุ๊กประจำสถานทูตยูเครนประจำประเทศไทยออกแถลงคำประกาศเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาที่มีภาพแบนเนอร์เป็นภาษาอังกฤษเรียกร้องให้ชาวต่างชาติร่วมไปยูเครนเพื่อสู้รบปกป้องดินแดนที่นั่น โดยในแถลงการณ์ได้กล่าวไปถึงคำแถลงของประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี มีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า
"พลเมืองทั้งหมดของโลก เพื่อนของยูเครน สันติภาพและประชาธิปไตย ทุกคนที่ต้องการเข้าร่วมการป้องกันของยูเครน ยุโรปและโลกสามารถมาและต่อสู้เคียงข้างกับยูเครนกับอาชญากรสงครามรัสเซีย"
และพบว่าบนเฟซบุ๊กสถานทูตยูเครนยังออกมาเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยร่วมบริจาคเป็นเงินไทยบาทร่วมช่วยเหลือสนับสนุนยูเครนในอีกทางหนึ่งโดยมีการเปิดบัญชีให้สำหรับผู้ที่สนใจ
ข่าวการเดินทางไปร่วมรบยูเครนของพลเมืองชาวไทยนั้นเป็นที่ฮือฮา เป็นต้นว่า ชายไทยรายหนึ่งที่ชี้ว่าตัวเองมีประวัติภูมิหลังทางการทหารวัย 27 ปี และต้องการร่วมไปสู้รบยูเครน และทำไปในฐานะความเป็นมนุษย์หลังจากนั้นที่เขาได้ทวีตภาพสถานทูตยูเครนและประกาศว่าตัวเองและเพื่อนอีกคนจะเดินทางไปร่วมรบกับยูเครน ซึ่งผลจากการที่เคยทำงานรับใช้ชาติในกองทัพมาก่อนทำให้เขามีคุณสมบัติที่สามารถเข้าร่วมกับกองกำลังทหารต่างประเทศในยูเครนได้ สอดคล้องกับอดีตทหารราบชายไทยรายหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยกล่าวเปิดใจว่า เคยทำงานกับกองทัพมา 4-5 ปีก่อน และเป็น 1 ในกลุ่มคนไทยที่ได้เข้าไปสมัครหลังรับทราบข่าวจากโลกโซเชียล
ซึ่งอ้างจากเดลีเมล สื่ออังกฤษ พบว่า ค่าตอบแทนของทหารต่างชาติรับจ้างที่เข้าร่วมรบกับยูเครนจะได้รับเงินราว 100,000 ฮริฟเนียในสกุลเงินยูเครน หรือราว 3,300 ดอลลาร์ต่อเดือน แต่ดูเหมือนว่าค่าเดินทางไปยังยูเครนที่ตกราว 1,000 ดอลลาร์ หรือราว 30,000 บาท ผู้ที่ประสงค์เดินทางต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งในเวลานี้ข่าวต่างประเทศเป็นต้นว่า รอยเตอร์ เดลีเมล ต่างชี้ว่า การเดินทางเข้ายูเครนมีเพียงแต่วิธีบินไปยังโปแลนด์ก่อนเดินข้ามพรมแดนทางบกฝ่าคลื่นมนุษย์ผู้อพยพยูเครนเข้าไป ซึ่งมีอาสาสมัครจากชาติตะวันตกเล็งใช้วิธีนี้เช่นกัน
โดยบนโลกโซเชียลมีการทวีตเป็นข้อความอ้างว่า นอกจากจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสดแล้วอาจจะได้ทั้งสวัสดิการและสัญชาติยูเครน และสวัสดิการนาโต้เป็นรางวัล แต่ตามสำนักข่าวใหญ่ๆ ของโลกตะวันตกรายงานเบื้องต้นเฉพาะจำนวนเงินค่าตอบแทนประจำเดือนเท่านั้น โดยอดีตทหารราบไทยที่เปิดเผยกับสื่อไทยกล่าวเช่นกันว่า เขาได้รับทราบข้อมูลเหล่านี้และชี้ว่า "สิทธิการได้สัญชาติพลเมืองอียูถือเป็นโอกาสที่ดี" แต่ยอมรับว่าตัวเองมีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิตในสงครามและกำลังอยู่ระหว่างการรอการเรียกตัว
ทั้งนี้ ยูสเซอร์ทวิตเตอร์ Gap.14ขุนพล กล่าวในการทวีตของเขาในรายละเอียดว่าสำหรับสถานทูตยูเครนประจำไทยในเบื้องต้นยังไม่ได้เปิดรับทหารอาสาแต่เปิดรับพิจารณาสำหรับใบสมัครเท่านั้น
"หลังจากที่ได้สอบถามรายละเอียด ทางสถานทูตยังไม่ได้รับทหารอาสาแค่เปิดรับพิจารณาใบสมัคร เพื่อไว้คัดเลือกว่าใครมีคุณสมบัติตามที่เขาต้องการ" พร้อมกับชี้แจงเพิ่มเติมว่า ต้องส่งใบแสดงคุณสมบัติการมีประสบการณ์ทางทหารและต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม รวมไปถึงยังไม่เปิดรับอาสาสมัครจากความเชี่ยวชาญอาชีพประเภทอื่น