ตุรกีในวันจันทร์ (28 ก.พ.) เปิดเผยกำลังห้ามเรือรบจากการแล่นผ่าน 2 ช่องแคบสำคัญ ช่องแคบบอสพอรัส และช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ตามกรอบอนุสัญญาฉบับหนึ่งซึ่งให้อำนาจพวกเขาควบคุมควบการสัญจรผ่านของเรือทหารในพื้นที่ยุทธศาสตร์แห่งนี้
"เราได้แจ้งไปยังทั้งสองประเทศในภูมิภาคและที่อื่นๆ ว่าอย่าล่องเรือรบผ่านทะเลดำ" เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีกล่าว "เรากำลังบังคับใช้อนุสัญญามองเทรอซ์"
อนุสัญญามองเทรอซ์ปี 1936 ใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวโดยเสรีของเรือสินค้าต่างๆ ในช่วงเวลาสันติ ที่ล่องผ่านช่องแคบบอสพอรัส และช่องแคบดาร์ดะเนลส์ แต่ให้สิทธิตุรกีปิดกั้นการสัญจรของเรือรบในช่องแคบทั้ง 2 ที่เชื่อมทะเลอีเจียน ทะเลมาร์มะรา และทะเลดำ ในช่วงเวลาสงคราม หากมีภัยคุกคาม
ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน เพิ่งออกมาชี้แจงจุดยืนของตุรกีในฐานะพันธมิตรนาโต้ ว่า "ไม่ทอดทิ้งทั้งรัสเซียหรือยูเครน" และจะไม่ยอมสละผลประโยชน์แห่งชาติของตุรกี "เราตัดสินใจใช้อนุสัญญามองเทรอซ์ เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามบานปลาย" เขากล่าวระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยูเครนร้องขอให้ตุรกีปิดช่องแคบดาร์ดะเนลส์ เพื่อปิดกั้นไม่ให้เรือรบของรัสเซียเข้าสู่ทะเลดำ อย่างไรก็ตาม ตุรกี ในฐานะสมาชิกนาโต้ แต่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับทั้งรัสเซียและยูเครน ยังไม่ตอบรับคำร้องขอดังกล่าวในทันที
"รัสเซียสอบถามเรามาว่า เราจะบังคับใช้อนุสัญญามองเทรอซ์หรือไม่ถ้ามีความจำเป็น เราบอกกับพวกเขาไปว่าเราจะบังคับใช้แบบคำต่อคำ" คาวูโซกลู พร้อมระบุต่อว่าพวกผู้เชี่ยวชาญตุรกีกำลังศึกษาสถานการณ์ เพื่อประเมินว่า "จากมุมมองในด้านกฎหมาย นี่มันอยู่ในสถานะแห่งสงครามแล้วหรือไม่"
ตุรกีกำลังอยู่บนเส้นทางแคบๆ ของตนเอง ระหว่างพันธมิตรอย่างยูเครน ที่พวกเขาขายโดรนโจมตีให้เพื่อนำไปใช้ต่อต้านรถถังของรัสเซีย กับอีกด้านหนึ่งคือรัสเซีย ประเทศที่พวกเขาก็ต้องพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติและธัญพืชเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) ตัดสินใจรับรองอย่างเป็นทางการ ว่าการโจมตีของรัสเซียต่อยูเครนนั้นเป็น "ภาวะสงคราม"
แอร์โดอัน ในวันจันทร์ (28 ก.พ.) กล่าวว่าเขาพิจารณาว่าการโจมตีดินแดนยูเครนของรัสเซีย "ไม่อาจยอมรับได้" พร้อมยกย่องรัฐบาลและประชาชนชาวยูเครน
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)