คณะผู้แทนของรัสเซียและของยูเครน พบหน้ากันเพื่อเริ่มการเจรจาสันติภาพเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (28 ก.พ.) ที่ชายแดนเบลารุสติดต่อกับยูเครน โดยที่ฝ่ายยูเครนเรียกร้องให้หยุดยิงในทันที ขณะที่ “ปูติน” เพิ่มสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างตะวันออกกับตะวันตกด้วยการสั่งกองกำลังนิวเคลียร์ยกระดับการเตรียมพร้อม ตอบโต้มาตรการแซงก์ชันของตะวันตก ซึ่งบีบให้แบงก์ชาติแดนหมีขาวต้องขึ้นดอกเบี้ยแรงกะทันหัน เพื่อปกป้องค่าเงินรูเบิลที่อ่อนยวบและป้องกันคนแห่ถอนเงิน
เสียงปืนและระเบิดรอบกรุงเคียฟที่ถูกกองทัพรัสเซียล้อมเอาไว้ ดูเหมือนเบาลงในช่วงคืนวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) นอกจากนั้นกองทัพรัสเซียเสนอเส้นทางที่ปลอดภัยให้ประชาชนเดินทางออกจากเมืองหลวงของยูเครน ซึ่งดูเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า การโจมตีระลอกใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนของยูเครนเดินทางถึงชายแดนเบลารุสแล้วเพื่อเจรจากับตัวแทนฝ่ายรัสเซีย ตามที่นัดหมายโดยยังไม่มีความชัดเจนว่า จะนำไปสู่ทางออกจากวิกฤตหรือไม่
สำนักข่าวเบลตา ของทางการเบลารุสรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายเริ่มเจรจากันแล้ว ขณะที่สำนักงานประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ย์ แถลงก่อนหน้าการเจรจาว่า ยูเครนจะเรียกร้องให้หยุดยิงทันที รวมทั้งให้รัสเซียถอนทหารออกไป
เซเลนสกี้ย์ยังแสดงอาการไม่คาดหวังอะไรนัก โดยกล่าวว่า “ผมไม่ได้เชื่อจริงๆ หรอกในเรื่องผลลัพธ์ที่จะออกมาจากการหารือนี้ แต่ก็ปล่อยให้พวกเขาลองพยายามดู”
สำหรับทางฝ่ายเครมลินนั้นยังยังไม่มีข้อมูลว่า เรียกร้องสิ่งใดจากการเจรจาหรือจากสงครามในยูเครน
เจ้าหน้าที่ตะวันตกเชื่อว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต้องการล้มรัฐบาลยูเครน และส่งคนของตนเข้าบริหารแทน เพื่อเป็นการฟื้นอิทธิพลของมอสโกแบบเดียวกับยุคสงครามเย็น
ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(27) ปูตินประกาศคำสั่งยกระดับการเตรียมพร้อมของกองกำลังป้อมปรามทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย โดยระบุว่าเพื่อตอบโต้คำแถลงอันก้าวร้าวของพวกผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) และมาตรการแซงก์ชันทางการเงินของตะวันตก กระตุ้นให้เกิดความกังวลว่า การบุกยูเครนอาจลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้ ไมว่าโดยตั้งใจและหรือจากการคาดการณ์ผิดพลาด
เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับฝ่ายข่าวของเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซี ว่า ปูตินยังคงใช้รูปแบบที่เคยใช้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนบุกยูเครน เพื่อสร้างการข่มขู่ที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาสนับสนุนการบุกยูเครนต่อ
คำสั่งของปูตินคราวนี้มีขึ้น ขณะที่ฝ่ายตะวันตกออกข่าวว่ากองทหารรัสเซียที่บุกเข้ายูเครนต้องเผชิญการต่อต้านอย่างดุเดือดเข้มแข็งกว่าที่คาด จนถึงตอนนี้มอสโกยังไม่สามารถควบคุมน่านฟ้าของยูเครนได้อย่างสมบูรณ์ แม้สามารถรุกคืบโจมตีทั่วยูเครนก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความเชื่อว่า การบุกประสบความยากลำบากและล่าช้ากว่าที่เครมลินคาดไว้ แม้สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้หากมอสโกปรับแผนบุกก็ตาม ขณะที่ทางฝ่ายรัสเซียเองยังไม่เคยแถลงอะไรเกี่ยวกับการรุกทางทหารของตนเลย ตั้งแต่ที่เริ่มบุกยูเครน
ในอีกด้านหนึ่ง การสู้รบขัดแย้งคราวนี้ทำท่าอาจขยายตัว จากการที่เบลารุสเข้าร่วมกับรัสเซียอย่างเปิดเผยชัดเจน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าเบลารุสจะส่งทหารเพื่อเข้าร่วมกับรัสเซียในการบุกยูเครน ซึ่งอย่างเร็วที่สุดอาจจะเป็นในวันจันทร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ต้นตอของข่าวนี้ได้มาจากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอเมริกันคนหนึ่งที่ไม่มีการเปิดเผยตัวตน
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น โจเซฟ บอร์เรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เผยว่า ชาติตะวันตกประกาศจะยกระดับมาตรการแซงก์ชันรัสเซีย รวมทั้งซื้อและจัดส่งอาวุธให้ยูเครน ซึ่งรวมถึงจรวดสติงเกอร์เพื่อใช้ยิงเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานอื่นๆ นอกจากนี้ประเทศต่างๆ ในยุโรปยังจะส่งเครื่องบินขับไล่ให้ยูเครนด้วย
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่ยังคงมีการต่อสู้กระจัดกระจายรอบกรุงเคียฟ รวมทั้งยังมีการสู้รบในคาร์คีฟ (คาร์คอฟ) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน และท่าเรือยุทธศาสตร์หลายแห่งทางใต้ของยูเครน
โอเล็กซี แอเรสโทวิช ที่ปรึกษาของสำนักงานของเซเลนสกี้ เผยว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์กองทัพรัสเซียได้เข้ายึดเมืองเบิร์ดแยนสก์ ริมทะเลอาซอฟ รวมทั้งยังมุ่งหน้าบุกเมืองเคอร์ซอนทางใต้ของประเทศ ขณะที่เมืองมาริวโพลซึ่งเป็นเมืองท่าริมทะเลอาซอฟ ที่เชื่อว่า เป็นเป้าหมายหลักของรัสเซียนั้น ยังสามารถต้านทานกองทัพแดนหมีขาวได้
ทางด้านพลตรีอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เผยว่า กองทัพรัสเซียสามารถควบคุมพื้นที่รอบโรงงานนิวเคลียร์ซาปาริซเซียทางใต้ และย้ำว่า โรงงานปลอดภัยดีและระดับการแผ่รังสียังคงปกติ
ขณะที่กองทัพรัสเซียล้อมกรุงเคียฟที่มีประชากรเกือบ 3 ล้านคน นายกเทศมนตรีของเมืองหลวงแห่งนี้แสดงความไม่แน่ใจว่าจะอพยพประชาชนออกไปได้ เนื่องจากมีกองทหารรัสเซียปิดล้อมอยู่ ทางการยูเครนหันมาแจกจ่ายอาวุธสำหรับพลเรือนที่ต้องการร่วมปกป้องเมือง รวมทั้งฝึกให้รู้จักใช้ระเบิดขวดน้ำมัน นอกจากนี้ยังปล่อยนักโทษที่มีประสบการณ์การทหารและต้องการร่วมรบ
อย่างไรก็ตาม โคนาเชนคอฟระบุว่า รัสเซียเสนอให้ชาวเคียฟใช้ทางหลวงเดินทางออกจากเมืองไปยังพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งดูเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า การโจมตีระลอกใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเร็วๆ นี้
เวลาเดียวกัน หลังจากที่สหรัฐฯ อียู สหราชอาณาจักร และแคนาดา ได้ทำความตกลงกันช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเรื่องการห้ามทำธุรกรรมกับธนาคารกลางรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลเท่ากับอายัดทุนสำรองเงินตราสกุลแข็งของรัสเซีย รวมทั้งยังจะตัดขาดไม่ให้แบงก์บางแห่งของรัสเซียเข้าถึง “สวีฟต์” (SWIFT) ระบบโอนเงินระดับโลก ถึงแม้เรื่องเหล่านี้ยังต้องรอการประกาศรายละเอียด แต่ข่าวนี้ก็ส่งผลฉุดค่าเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนยวบรุนแรงแล้ว
บลูมเบิร์กระบุว่า รูเบิลมีค่าลดลงเกือบๆ 30% ในการซื้อขายออฟชอร์ตอนเช้าวันจันทร์ ขณะที่สำนักข่าวอื่นๆ รายงานต่อมาว่า เงินรัสเซียกระเตื้องขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังอ่อนตัวลงเกือบ 20% ทั้งนี้หลังจากธนาคารกลางรัสเซียพยายามหาทางแก้เกม ด้วยการประกาศขึ้นดอกเบี้ยหลักจาก 9.5% เป็น 20% เพื่อพยายามฟื้นค่ารูเบิลและป้องกันคนแห่ถอนเงิน
วันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป เผยว่า อียูปิดน่านฟ้าไม่ให้สายการบินรัสเซียบินผ่าน นอกจากนั้นสั่งซื้ออาวุธส่งให้ยูเครน รวมทั้งแบนสื่อบางแห่งที่สนับสนุนเครมลิน
ด้านอเมริกาส่งอาวุธให้ยูเครนเช่นกัน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธสติงเกอร์อันเป็นส่วนหนึ่งของแพคเก็จที่ทำเนียบขาวอนุมัติเมื่อวันศุกร์ (25 ก.พ.)
ไม่เพียงเท่านั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังมีกำหนดจัดการประชุมทางไกลกับชาติพันธมิตรและหุ้นส่วนเพื่อประสานแนวทางตอบโต้รัสเซียในวันจันทร์ วันเดียวกับที่สมัชชาใหญ่สหประชาชาตินัดประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับการบุกของรัสเซีย
เมื่อวันอาทิตย์ กระทรวงมหาดไทยยูเครนเผยว่า การรุกรานของรัสเซียทำให้พลเมืองยูเครนเสียชีวิต 352 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 14 คน และบาดเจ็บ 1,684 คน โดยมีเด็กรวมอยู่ด้วย 113 คน
ทางฝั่งรัสเซียไม่ได้เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แต่ยืนยันว่า มีการสูญเสียน้อยกว่ายูเครนมาก
(ที่มา: เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)