สหภาพยุโรป (อียู) และแคนาดาประกาศปิดน่านฟ้าห้ามเครื่องบินสัญชาติรัสเซียผ่าน อีกหนึ่งมาตรการที่มุ่งกดดันให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ยอมหยุดปฏิบัติการรุกรานยูเครน ซึ่งถือเป็นการโจมตีต่อชาติยุโรปครั้งเลวร้ายที่สุดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่บางสายการบินของยุโรปเริ่มงดเที่ยวบินสู่แดนหมีขาว และหยุดทำการบินผ่านน่านฟ้ารัสเซีย
สายการบินแอโรฟล็อต (Aeroflot) ของรัสเซียประกาศระงับเที่ยวบินไปยุโรปทั้งหมด หลังจากที่ โจเซป บอร์เรลล์ ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู ระบุว่าสหภาพยุโรปทั้ง 27 ชาติมีมติปิดน่านฟ้าไม่ให้อากาศยานของรัสเซียผ่านเข้าออกได้
สหรัฐอเมริกาก็กำลังพิจารณาใช้มาตรการเดียวกัน ทว่ายังไม่ได้มีการตัดสินใจ ขณะที่วอชิงตันแจ้งเตือนพลเมืองอเมริกันให้รีบเดินทางออกจากรัสเซียด้วยเที่ยวบินพาณิชย์โดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีหลายประเทศที่เริ่มปิดน่านฟ้าห้ามอากาศยานรัสเซียเข้าแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้สายการบินต่างๆ ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
มาตรการแบนเครื่องบินรัสเซียมีขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกยังคงเร่งฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งก็ทำให้ยอดผู้โดยสารลดลงมากอยู่แล้ว
เยอรมนี สเปน และฝรั่งเศส ประกาศร่วมมือกับอังกฤษ กลุ่มประเทศนอร์ดิก (เดนมาร์ก, นอร์เวย์, สวีเดน) และกลุ่มรัฐบอลติก (เอสโตเนีย, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย) ปิดกั้นไม่ให้เครื่องบินรัสเซียใช้น่านฟ้าของตน ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ล่าสุดที่บรรดาชาติพันธมิตรนาโตใช้ทำสงครามเศรษฐกิจกับ ปูติน หลังจากที่โลกตะวันตกรวมถึงสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรการเงินอย่างครอบคลุมกับรัสเซียไปแล้วก่อนหน้า
ทั้งนี้ คาดว่ารัสเซียจะยกระดับตอบโต้การปิดกั้นและมาตรการแซงก์ชันของตะวันตกเช่นกัน โดยล่าสุดมอสโกก็ได้ประกาศแบนสายการบินจากอังกฤษ, บัลแกเรีย และโปแลนด์แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า หากไม่สามารถผ่านเข้าน่านฟ้ารัสเซียได้ สายการบินต่างๆ ก็จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเส้นทางลงใต้ แต่ก็ต้องหลบเลี่ยงพื้นที่สู้รบในตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน
โรเบิร์ต แมนน์ จาก R.W. Mann & Company ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ด้านการบินในสหรัฐฯ ประเมินว่า มาตรการปิดน่านฟ้าตอบโต้ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ จะทำให้สายการบินอเมริกันต้องใช้เวลาเดินทางนานขึ้น มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และอาจต้องมีการสับเปลี่ยนลูกเรือชุดใหม่สำหรับเที่ยวบินที่เดินทางจากเมืองชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ มายังทวีปเอเชีย
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการบินให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับรอยเตอร์ว่า หากสายการบินสหรัฐฯ ถูกห้ามไม่ให้ผ่านน่านฟ้ารัสเซีย ก็จะทำให้บางเส้นทางต้องใช้ระยะเวลาบินนานขึ้น หรืออาจต้องแวะเติมเชื้อเพลิงที่เมืองแองเคอเรจ (Anchorage) ในรัฐอะแลสกา โดยเส้นทางที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบได้แก่ เที่ยวบินจากสหรัฐฯไปอินเดีย, จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
สภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวยังปฏิเสธที่จะยืนยันว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการปิดน่านฟ้ากับรัสเซียหรือไม่ โดยโบ้ยให้นักข่าวไปสอบถามกับองค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ซึ่งก็ยังไม่มีถ้อยแถลงอะไรออกมาเช่นกัน
แอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ประกาศระงับเที่ยวบินไป-กลับรัสเซียทั้งหมด รวมถึงงดบินผ่านน่านฟ้ารัสเซียจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม นอกจากนี้ แอร์ฟรานซ์ยังต้องระงับเที่ยวบินไป-กลับจีน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเป็นการชั่วคราว ระหว่างที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อกำหนดเส้นทางการบินใหม่
ฟินแอร์ประกาศระงับเที่ยวบินไปรัสเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีนจนถึงวันที่ 6 มี.ค. แต่ยังคงให้บริการเที่ยวบินมายังสิงคโปร์, อินเดีย และไทยตามปกติ เพียงแต่จะต้องใช้เวลาเดินทางนานขึ้น
ที่มา: รอยเตอร์