ศาลปากีสถานพิพากษาประหารชีวิตทายาทมหาเศรษฐีในแวดวงอุตสาหกรรมของประเทศ ฐานลงมือข่มขืนและฆ่าตัดศีรษะแฟนสาวซึ่งเป็นลูกอดีตนักการทูต ซึ่งถือเป็นคดีดังที่สั่นสะเทือนสังคมชั้นสูงปากีฯ และจุดกระแสประท้วงความรุนแรงต่อผู้หญิง
ซาฮีร์ จัฟเฟอร์ (Zahir Jaffer) วัย 30 ปี ซึ่งถือสัญชาติอเมริกัน-ปากีฯ ได้ลงมือทำร้ายร่างกาย นูร์ มูคาดัม (Noor Mukadam) ที่บ้านของเขาในกรุงอิสลามาบัดเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว หลังจากถูกฝ่ายหญิงปฏิเสธคำขอแต่งงาน
รายงานระบุว่า จัฟเฟอร์ สวม “สนับมือ” ขณะซ้อมทรมานแฟนสาว จากนั้นก็ใช้ “อาวุธที่มีคม” ฆ่าตัดศีรษะเธออย่างโหดเหี้ยม
มูคาดัม วัย 27 ปี พยายามที่จะหลบหนีจากบ้านของแฟน แต่ถูกลูกน้อง 2 คนของ จัฟเฟอร์ ขัดขวางเอาไว้
อัตตา รับบานี ผู้พิพากษาศาลแขวงอิสลามาบัด ได้อ่านคำพิพากษาประหารชีวิต จัฟเฟอร์ ซึ่งเป็นจำเลยหลักเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 ก.พ.) ขณะที่ลูกน้องอีก 2 คนโดนโทษจำคุก 10 ปี ส่วนบิดามารดาของ จัฟเฟอร์ นั้นศาลตัดสินว่า “ไม่มีความผิด” ฐานพยายามปกปิดอาชญากรรมของลูกชาย
ชูอากัต มูคาดัม บิดาของผู้เสียชีวิต ยอมรับว่ารู้สึกดีใจที่ลูกสาวได้รับความยุติธรรม แต่ยังมีแผนที่จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินยกฟ้องบิดามารดาของฝ่ายชาย
คำพิพากษาของศาลระบุให้ จัฟเฟอร์ ถูกลงโทษโดยการ “แขวนคอจนเสียชีวิต” แต่ยังมีโทษจำคุกอีก 25 ปี ฐานลักพาตัวและข่มขืนด้วย ซึ่ง จัฟเฟอร์ ยังมีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์
ด้วยแรงกดดันจากสภาพยุโรป (อียู) ทำให้ปากีสถานไม่มีการประหารชีวิตเลยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และส่วนใหญ่ผู้ที่จะได้รับโทษขั้นสูงสุดมักจะเป็นพวกผู้ก่อการร้าย
ข้อมูลจาก Justice Project Pakistan ระบุว่า การประหารชีวิตครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2019 และมีความเป็นไปได้สูงที่สุดท้ายแล้ว จัฟเฟอร์ จะเพียงรับโทษ “จำคุก” เท่านั้น และหากมีความประพฤติดีก็อาจได้ลดโทษเพิ่มเติมในวันสำคัญทางศาสนาด้วย
ที่มา : เอเอฟพี