เอเจนซีส์ - ประชาชนรัสเซียจำนวนมากตบเท้าประท้วงต่อต้านสงครามปูตินบุกยูเครนทั่ว 53 เมืองทั่วประเทศวานนี้ (24 ก.พ.) มีร่วม 1,702 คน ถูกจับเสี่ยงถูกยัดข้อหากบฏไม่รักชาติ ด้านอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ ประณาม ปูตินละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเป็นภัยคุกคามต่อยุโรปและต่อโลก เรียกร้องให้สหรัฐฯ และพันธมิตรยืนเคียงข้างประชาชนยูเครน
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (25 ก.พ.) ว่า ภาพปรากฏไปทั่วแสดงให้เห็นถึงตำรวจรัสเซียกำลังพยายามจับกุมประชาชนรัสเซียที่ออกมาประท้วงต่อต้านสงครามบุกยูเครนในวันพฤหัสบดี (24) ที่กรุงมอสโก เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก รวมเมืองอื่นๆ ทั้งหมด 53 เมืองทั่วรัสเซีย
OVD-Info องค์กรเฝ้าจับตาอิสระแถลงเมื่อวานนี้ (24) ว่า มีผู้ประท้วงทั้งหมด 1,702 คนใน 53 เมืองทั่วรัสเซียถูกจับกุม โดยในจำนวนนี้มีไม่ต่ำกว่า 940 คนในกรุงมอสโก และอีก 340 คนในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
เดลีเมลรายงานว่า เป็นที่เข้าใจว่าประชาชนรัสเซียได้รับคำสั่งเตือนจากเจ้าหน้าที่ห้ามแสดงความเห็นทางลบเกี่ยวกับสงครามบุกยูเครน หรือไม่คนเหล่านี้จะเผชิญหน้ากับข้อหากบฏ
โดย มาคาร์ ซาโดโรซนี (Makar Zadorozhny) นักแสดงชาวรัสเซียได้ส่งจดหมายจากสำนักงานโรงอุปรากรของเขาแจ้งเตือนไปยังพนักงานทุกคนต่อการแสดงความเห็นด้านลบในสงครามบุกยึดยูเครน อ้างอิงจากเดลีเทเลกราฟ
ในจดหมายกล่าวว่า ได้รับการแจ้งจากแผนกวัฒนธรรมระบุว่า "ความเห็นเชิงลบจะถูกปฏิบัติในฐานะกบฏ"
และช่วงต้นของวันพบว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงรัสเซียราว 150 คน ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกประณามการบุกยึดยูเครนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นความโหดร้ายที่คาดไม่ถึงและเตือนให้เห็นถึงผลเลวร้ายที่กำลังจะตามมา
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เหล่านี้ต่างกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าประชาชนรัสเซียไม่สนับสนุนสงครามการบุกยึด และประณามปูตินเป็นการส่วนตัวที่ออกคำสั่งกองกำลังบุกเข้าไปในยูเครนที่ไม่มีสิ่งใดสามารถอธิบายถึงความชอบธรรมได้
นอกจากนี้ พบว่ามีเซเลบรัสเซียที่มีชื่อเสียงไม่กี่คนและบุคคลสำคัญทางสาธารณะ ที่รวมไปถึงกลุ่มที่ทำงานให้สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลเครมลินออกมาส่งเสียงแสดงความเห็นต่อต้านสงครามของปูติน
การบุกยึดยูเครนอย่างไม่คาดฝันยังทำให้อดีตผู้นำสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ ออกมาส่งเสียงประณามวานนี้ (24) โดย CNN รายงานว่า อดีตประธานาธิบดีคาร์เตอร์ ชี้ว่า การบุกยูเครนของรัสเซียละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นภัยคุกคามความมั่นคงต่อยุโรปและต่อโลก
"การโจมตีอย่างที่ไม่มีการยั่วยุมาก่อนของรัสเซียต่อยูเครนด้วยการใช้กำลังทหารและการโจมตีทางไซเบอร์ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนของประชาชนยูเครน" รายงานจากแถลงการณ์ของอดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ทางทวิตเตอร์
และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า "ผมขอประณามการโจมตีที่ไร้ความชอบธรรมต่ออธิปไตยยูเครนที่คุกคามต่อความมั่นคงในยุโรปและต่อทั้งโลก และผมขอเรียกร้องไปยังประธานาธิบดีปูตินให้ยุติปฏิบัติการทหารและนำสันติภาพกลับคืนมา"
อดีตผู้นำสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า "สหรัฐฯ และพันธมิตรต้องยืนเคียงข้างประชาชนยูเครนในการสนับสนุนคนเหล่านั้นต่อสันติภาพ ความมั่นคง และสิทธิที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้"
ซึ่งนอกเหนือจากอดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ที่ออกมาประณามแล้ว พบว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ คนอื่นๆ รวมไปถึงอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บุช และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน ในวันพฤหัสบดี (24) ประณามการบุกยึดของรัสเซียเช่นกัน
โดยในแถลงการณ์ของอดีตประธานาธิบดีบุชผู้ลูกมีใจความว่า "รัฐบาลสหรัฐฯ และประชาชนอเมริกันต้องยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกันกับยูเครนและประชาชนชาวยูเครนในขณะที่พวกเขากำลังเสาะแสวงหาเสรีภาพและสิทธิของพวกเขาในการที่จะเลือกอนาคตของตัวเอง พวกเราไม่สามารถอดทนต่ออำนาจนิยมในการย่้ำยีและอันตรายเหมือนเช่นที่ประธานาธิบดีปูตินก่อ"
ขณะที่อดีตประธานาธิบดีโอบามา ออกมาเรียกร้องให้ทั้ง 2 พรรคหลักของสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนแนวทางการคว่ำบาตรของผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน โจ ไบเดน โดยชี้ไปว่าต้องมีผลที่ตามมาจากการกระทำเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม โอบามาชี้ว่า จากการที่ภาคอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซียถือเป็นผู้นำในเวทีโลกส่งผลทำให้ประชาชนอเมริกันต้องอดทนและเลือกที่จะจ่ายเพื่อการยืนเคียงข้างกับเสรีภาพ ขณะที่อดีตประธานาธิบดีคลินตันระบุว่า "โลกจะต้องทำให้รัสเซียและรัสเซียเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบทั้งทางเศรษฐกิจและทางการเมืองต่อการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างป่าเถื่อน"
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (25) ว่า ยูเครนเข้าสู่สงครามวันที่ 2 โดยในวันแรกมีจำนวนชาวยูเครนที่เสียชีวิตไปทั้งหมด 137 คน และมีประชาชนยูเครนพลัดถิ่นร่วมแสนคน ขณะที่สปุตนิคนิวส์ของรัสเซียรายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า มีทหารยูเครนไม่ต่ำกว่า 150 คน ยอมจำนนระหว่างการสู้รบและกองกำลังรบรัสเซียทำลายรถถังยูเครนไป 18 คัน ระบบขีปนาวุธยูเครน 18 ระบบ และยานยนต์หุ้มเกราะยูเครนอีก 41 คัน