เอเจนซีส์ - กลายเป็นเรื่องเมื่อสาวจีนรายหนึ่งสวมกิโมโนชุดประจำชาติญี่ปุ่นพร้อมกับเพื่อนคนอื่นอีก 3 คนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพยายามจะเข้าไปภายในสวนสาธารณะทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ (Erhai Lake) เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้ามไว้ โดยชี้เป็นเพราะชุดกิโมโนที่สวม ก่อนตั้งคำถามที่ต้องจำจนวันตาย "ลืมเหตุการณ์สังหารหมู่นานกิงปี 1937 ไปแล้วหรือ"
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ สื่อฮ่องกงรายงานวันนี้ (17 ก.พ.) ว่า ชุดกิโมโนประจำชาติของญี่ปุ่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนในจีนไม่พอใจเนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งจักรวรรดิญี่ปุ่นบุกเข้าไปในจีนและเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นานกิงเมื่อธันวาคม ปี 1937 ที่ทำให้ผู้หญิงชาวจีนจำนวนมากถูกข่มขืนและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้
วิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วแสดงให้เห็นเหตุการณ์หญิงชาวจีนรายหนึ่งในชุดกิโมโนที่มาพร้อมเพื่อนอีก 3 คน พยายามจะเข้าไปใช้บริการภายในสาธารณะทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ (Erhai Lake) เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสวนจำนวนหนึ่งห้ามเธอผ่านเข้าไปเนื่องมาจากชุดกิโมโนเจ้าปัญหาที่เธอสวมอยู่
โดยวิดีโอคลิปที่เผยแพร่นี้ถูกถ่ายขึ้นโดยผู้มาเที่ยวชมรายอื่นที่เห็นเหตุการณ์เข้า อ้างการรายงานจากสำนักข่าวของจีน เดอะคอฟเวอร์ เจ้าหน้าที่ถามผู้หญิงคนดังกล่าวเสียงแข็งว่า "นี่มันมีความเหมาะสมแล้วหรือที่คุณแต่งตัวเช่นนี้" และกล่าวต่อด้วยคำถามที่ต้องจำไปจนวันตายว่า "คุณลืมเหตุการณ์สังหารหมู่นานกิงไปแล้วหรือ"
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า มีการประเมินยอดผู้เสียชีวิตในเหตุสังหารหมู่นานกิงตั้งแต่ 40,000 คน ไปจนถึง 300,000 คน โดยเจ้าหน้าที่จีนชี้ไปที่ตัวเลข 300,000 คนขณะที่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าอยู่ที่ 200,000 คน
ทั้งนี้ สาวจีนที่สวมกิโมโนมาชมสวนกล่าวว่า เธอเพียงต้องการเข้าไปถ่ายภาพด้านในเท่านั้น แต่หนึ่งในเพื่อนของหญิงที่สวมกิโมโนกล่าวโต้ว่า "มีกฎหมายจีนข้อไหนที่กล่าวว่าประชาชนไม่สามารถสวมกิโมโนบ้าง"
แต่ทว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสวนยังคงยืนกรานปฏิเสธห้ามเข้า รวมไปถึงผู้ที่เข้ามาเที่ยวสวนคนอื่นๆ ต่างเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่จีน
หนึ่งในผู้เข้าชมกล่าวว่า "พวกญี่ปุ่นฆ่าบรรพบุรุษของคุณ แต่คุณยังคงสวมชุดกิโมโนของพวกเขา คุณมันไม่ใช่คนจีน" และผู้เข้าชมรายนี้ที่เป็นสตรีกล่าวว่า "ออกไปให้พ้นจากต้าหลี่"
ส่วนนักท่องเที่ยวชายอีกคนกล่าวอย่างเดือดดาลว่า "คุณไม่รู้สึกละอายบ้างหรือ" และเสริมว่า "พวกขยะสังคม"
อย่างไรก็ตาม พบว่าสาวชุดกิโมโนและเพื่อนๆ ของเธอยอมกลับออกไปโดยดีหลังจากนั้น และปรากฏว่ากฎเกณฑ์การเข้าใช้บริการในส่วนท่องเที่ยวของสวนสาธารณะทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ไม่ได้กำหนดห้ามผู้ที่สวมชุดกิโมโนเข้า
โดยผู้จัดการส่วนท่องเที่ยวประจำสวนที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า จะทำการสอบสวนต่อเหตุการณ์นี้และทางสวนจะทำการติดต่อผู้เข้าชมที่สวมชุดกิโมโนต่อไป
สื่อฮ่องกงรายงานว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดปรากฏการณ์ต่อต้านกิโมโนในจีนขึ้น เพราะเมื่อสิงหาคมปีที่แล้วปรากฏมีหญิงชาวจีนรายหนึ่งสวมชุดกิโมโนเพิ่อขอตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ถูกปฏิเสธที่จะให้บริการเว้นแต่เธอยอมเปลี่ยนชุด และในภายหลังกลับพบว่าผู้หญิงรายนี้ทำงานในภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น และชุดกิโมโนที่เห็นเป็นชุดเครื่องแบบร้าน