เอเจนซีส์ - สำนักพระราชวังตำหนักแคลเรนซ์แถลงวันนี้ (14 ก.พ.) ว่า คามิลลา ดัสเชสแห่งคอร์นวอลล์ ทรงมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวกและทรงกำลังอยู่ระหว่างกักพระองค์ ท่ามกลางความวิตกมากขึ้นไปถึงควีนเลิซาเบธ หลังทรงสัมผัสใกล้ชิดกับเจ้าชายชาร์ลส์ 2 วันก่อนมีผลติดเชื้อ พระราชวังบักกิงแฮมไม่ยืนยันควีนมีผลตรวจเป็นบวกหรือลบ
หนังสือพิมพ์เมโทรของอังกฤษรายงานวันนี้ (14 ก.พ.) ว่า คามิลลา ดัสเชสแห่งคอร์นวอลล์ ทรงมีผลการตรวจหาโควิด-19 เป็นบวกเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังพระสวามีเจ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงประชวรด้วยโควิด-19
สำนักพระราชวังตำหนักแคลเรนซ์ออกแถลงการณ์แจ้งข่าวพระอาการในวันจันทร์ (14) มีใจความว่า
"ดัสเชสแห่งคอร์นวอลล์ทรงมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวก และในเวลานี้กำลังอยู่ระหว่างการกักพระองค์" และเสริมว่า "เรายังคงทำตามแนวทางข้อกำหนดของรัฐบาล"
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า คามิลลา ดัสเชสแห่งคอร์นวอลล์ ในวัย 74 พรรษา ทรงได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว 2 โดส และวัคซีนเข็มกระตุ้น 1 โดส
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี (10) ที่ผ่านมาพบว่าพระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจจำนวนมากเกิดขึ้นหลังที่พระองค์ทรงมีผลการตรวจเป็นลบต่างจากพระสวามี คามิลลาแสดงความรู้สึกถึงการที่พระองค์ทรงไม่ตรวจพบเชื้อโควิดว่า "ช่างโชคดี" เป็นการเปิดเผยระหว่างการเสด็จไปยังองค์กร เทมส์ แวลลีย์ พาร์ทเนอร์ชิป (Thames Valley Partnership) ในบักกิงแฮมเชออร์ (Buckinghamshire) โดยพระองค์ตรัสว่า "ข้าพเจ้่าได้รับการตรวจจำนวนหลายครั้ง"
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานว่าในเวลานี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าดัสเชสแห่งคอร์นวอลล์ได้เข้าเฝ้าพระราชินีเมื่อไม่นานมานี้ด้วยหรือไม่
การที่มีสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษประชวรด้วยโรคโควิด-19 สร้างความวิตกไปยังพระพลานามัยของสมเด็จพระราชินาถแห่งอังกฤษ โดยพบว่า 2 วันก่อนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทรงมีผลการตรวจหาเชื้อเป็นบวก พระองค์ได้เข้าเฝ้าพระราชชนนี
โดยในวันพฤหัสบดี (10) อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์เดอะซันรายงานว่า ควีนเอลิซาเบธไม่ทรงแสดงพระอาการ แต่ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมปฏิเสธที่จะยืนยันว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีผลการตรวจหาเป็นบวกหรือไม่ โดยอ้างไปถึงเหตุผลความลับทางการแพทย์เป็นสำคัญ
7 นิวส์ของออสเตรเลียรายงานในวันจันทร์ (14) กล่าวว่า มีการวิตกเป็นอย่างมากว่าหากว่าสมเด็จพระราชินีที่มีพระชนมายุสูงถึง 95 พรรษาประชวรด้วยโรคโควิด-19 แล้วจะมีความยุ่งยากเป็นอันมาก โดยแหล่งข่าวในพระราชสำนักเปิดเผยว่ามีความวิตกเนื่องมาจากว่าหากพระองค์ทรงไม่สามารถทรงงานได้แล้วในเวลานี้ไม่มีผู้แทนพระองค์อื่นที่มีคุณสมบัติพร้อมจะเข้าทำหน้าที่แทน