เอเจนซีส์ - อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำวอชิงตันคนแรกเปิดฉากซัมมิตกับผู้นำเกาหลีเหนือถึง 2 ครั้ง แต่ล่าสุดในหนังสือเล่มใหม่ของนักข่าวนิวยอร์กไทม์สระบุว่า ทรัมป์เปิดเผยกับลูกน้องใกล้ชิดว่า หลังหมดสมัยการดำรงตำแหน่งแล้วเขายังคงติดต่อกับประธานาธิบดีคิม จองอึน ออกมาปฏิเสธล่าสุดวานนี้ (10 ก.พ.) ไม่ได้ทิ้งเอกสารลงในห้องน้ำทำเนียบขาว สุดฮา..สื่อบิสซิเนสอินไซเดอร์ รวบรวมวิธีอดีตผู้นำสหรัฐฯ ทำลายเอกสารสำคัญ รวมไปถึง "กินเข้าไป"
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ว่า ท่ามกลางการทดสอบยิงมิสไซล์ของเกาหลีเหนืออย่างถี่ยิบ และถึงขั้นล่าสุดเปียงยางคุยโวว่า ขีปนาวุธตัวเองมีสมรรถนะเข้าโจมตีเกาะกวมดินแดนอาณานิคมสหรัฐฯ และอาจถึงเข้าไปในสหรัฐฯ ทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุดที่ออกมาในวันพฤหัสบดี (10) อ้างว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดของตัวเองว่าหลังจากที่เขาออกมาจากทำเนียบขาวแล้ว เขายังคงติดต่อกับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน
โดยนักข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส แม็กกี ฮาเบอร์แมน (Maggie Haberman) ผู้ที่ขุดคุ้ยในเรื่องนี้และกำลังจะเปิดเผยในหนังสือเล่มใหม่ของเธอเกี่ยวกับทรัมป์ชื่อว่า "ชายผู้เชื่อมั่น" (The Confidence Man) ซึ่งกำลังจะวางแผงในไม่ช้า
โดยเธอกล่าวว่า "เหมือนที่พวกเรารู้ว่า...เขามีความสนใจเป็นพิเศษต่อความสัมพันธ์นี้"
ทั้งนี้ ทรัมป์ อดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของกิจการโรงแรมหรูเคยประกาศอย่างเป็นที่ฮือฮาไปทั่วเมื่อปี 2018 ขณะที่กำลังดำรงตำแหน่งว่า ทั้งตัวเขาและประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายแลกเปลี่ยนจดหมาย แต่หลังจากที่มีการพบกันถึง 2 ครั้งในสิงคโปร์และเวียดนามแล้ว อดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่สามารถหว่านล้อมให้เปียงยางล้มเลิกโครงการอาวุธมิสไซล์และนิวเคลียร์ได้
อย่างไรก็ตาม ฮาเบอร์แมนระบุว่า สิ่งที่ทรัมป์พูดออกมานั้นไม่สามารถยืนยันได้และอาจจะไม่เป็นความจริง
"สิ่งที่เขากล่าวและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกัน แต่เขาบอกกับคนอื่นว่าเขายังคงมีความสัมพันธ์ทางจดหมายหรือการหารือกับคิม จองอึน" เธอกล่าว
นักข่าวนิวยอร์กไทม์สระบุต่อว่า ยังพบว่าประธานาธิบดีคิมแห่งเกาหลีเหนือเป็นเพียงผู้นำต่างชาติเพียงรายเดียวที่เขายังคงติดต่อด้วย
ทั้งนี้ กฎหมายโลแกน (Logan Act) ปี 1977 ออกคำสั่งห้ามพลเมืองอเมริกันเจรจากับรัฐบาลต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต อัลญะซีเราะฮ์รายงาน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในรายงานที่ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงติดต่อกับผู้นำเกาหลีเหนือ ทำเนียบขาว และตัวแทนของทรัมป์ต่างไม่ยอมออกมาแสดงความเห็นเช่นกัน
ด้าน เจนนี ทาวน์ (Jenny Town) ผู้อำนวยการโครงการโปรเจกต์ 38 นอร์ท (project 38 North) ที่เชี่ยวชาญในด้านเกาหลีเหนือกล่าวว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ เป็นที่รู้ดีว่ามักจะกล่าวโอ้อวดออกมาแบบเกินจริงเสมอ และข้อความที่เขาส่งมักจะเป็นส่งการทักทายแต่มักจะไม่ได้รับการตอบ
แต่อย่างไรก็ตาม ทาวน์ชี้ว่า "หากว่ามันเป็นความจริงก็เท่ากับว่ามีการสื่อสารเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการประสานงานหรือหารือกับทำเนียบขาว ซึ่งมันอาจเกิดปัญหาใหญ่และมีแนวโน้มที่จะต่อต้านต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ"
ทั้งนี้ ทรัมป์ตกเป็นข่าวในรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อไม่นานมานี้ที่เปิดเผยว่า เขาแอบเก็บจดหมายส่วนตัวของประธานาธิบดีเกาหลีเหนือไว้ในบ้านพักของตัวเองในรัฐฟลอริดา โดยหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สามารถเรียกคืนเอกสารสำคัญที่รวมไปถึงจดหมายจากประธานาธิบดี คิม จองอึน ของขวัญจากรัฐบาลต่างชาติและจดหมายจากผู้นำชาติอื่นๆ ได้ถึง 15 กล่องในเดือนที่ผ่านมา
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า ทรัมป์ในวันพฤหัสบดี (10) ยังออกมาปฏิเสธข่าวรายงานที่ระบุว่า เขาได้แอบทิ้งเอกสารลงในห้องน้ำทำเนียบขาว และยืนยันว่าเขาไม่ได้รับการแจ้งว่า เขามีหน้าที่ต้องส่งมอบเอกสารทำเนียบขาวให้สำนักงานหอจดหมายเหตุและบันทึกแห่งชาติ NARA (National Archives and Records Administration)
"มันเป็นเรื่องเท็จอีกเรื่องที่อ้างว่าผมได้ทิ้งเอกสารและกระดาษสำคัญลงในห้องน้ำทำเนียบขาว มันไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิงและเป็นแค่ข่าวที่กุขึ้นมาโดยพวกนักข่าวเพื่อได้รับความสนใจสำหรับหนังสือที่เป็นเท็จมากที่สุดในโลก"
อย่างไรก็ตาม เจนนิเฟอร์ จาค็อบส์ (Jennifer Jacobs) นักข่าวบลูมเบิร์กประจำทำเนียบขาวออกมายืนยันรายงานของฮาเบอร์แมนเกี่ยวข้องกับทรัมป์แอบทิ้งเอกสารลงในชักโครกทำเนียบขาวนั้นเป็นความจริง 100% และแหล่งข่าวในเวลานั้นยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ค้นพบเอกสารที่ถูกฉีกอยู่ภายในห้องน้ำและเชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
อ้างอิงจากแอกซิออส (Axios) หนังสือของฮาเบอร์แมน กล่าวว่า ในบางครั้งเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวพบว่า โถส้วมนั้นอุดตันเต็มไปด้วยกระดาษ
บิสซิเนสอินไซเดอร์ได้รวบรวมว่า มีรายงานออกมาไม่ต่ำกว่า 4 ครั้งที่ระบุถึงวิธีการทำลายเอกสารของทรัมป์เรียงลำดับได้ดังนี้
***โพลิติโกรายงานในปี 2018 ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ฉีกเอกสาร
***อ้างอิงจากหนังสือบันทึกความทรงจำปี 2018 ของอดีตที่ปรึกษาทำเนียบขาวชื่อดัง โอมาโรซา มานิกัลต์ นิวแมน (Omarosa Manigault Newman) ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กินเอกสารเหล่านั้น
***สำนักงานหอจดหมายเหตุสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ทิ้งเอกสารลงบนพื้น
***หนังสือของนักข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส แม็กกี ฮาเบอร์แมน กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ทิ้งเอกสารลงในห้องน้ำทำเนียบขาว