เอเจนซีส์ - - รัฐกรณาฏกะล่าสุดวานนี้(8 ก.พ)สั่งปิดสถานการศึกษาทั่วรัฐเป็นเวลา 3 วันท่ามกลางการประท้วงต่อต้านคำสั่งห้ามนักเรียนหญิงมุสลิมสวมฮิญาบผ้าคลุมทางศาสนาเข้าโรงเรียนจนเกิดการปะทะร้อนถึง มาลาลา ยูซาฟไซ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพต้องออกมาเรียกร้องสิทธิให้แก่เด็กหญิงมุสลิมเหล่านี้
VOA สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(8 ก.พ)ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐกรณาฏกะทางใต้ของอินเดียล่าสุดออกคำสั่งปิดสถานศึกษาทั้งหมดภายในรัฐเป็นเวลา 3 วันหลังการประท้วงขยายวงกว้าง
หนึ่งในการประท้วงวันอังคาร(8)พบว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้ยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงผู้ประท้วงที่แคมปัสสถานศึกษาของรัฐแห่งหนึ่ง เอเอฟพีรายงานว่า พบการปรากฎตัวกองกำลังตำรวจจำนวนมากกว่าปกติที่โรงเรียนจำนวนหนึ่งในหลายเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงภายในรัฐกรณาฏกะ
สื่อมินต์ของอินเดียรายงานว่า ด้านมุขมนตรีรัฐกรณาฏกะ บาสาวาราจ บมไม (Basavaraj Bommai) ที่มาจากพรรคฮินดูชาตินิยมภารติยะ ชันนะตะ หรือ BJP ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ในวันอังคาร(8) ออกคำสั่งปิดวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมปลายเป็นเวลา 3 วัน พร้อมกันนี้เขายังได้เรียกร้องไปยังนักเรียน ครู และคณะบริหารของสถานศึกษารวมไปถึงชาวรัฐกรณาฏกะให้อยู่ในความสงบและสามัคคี
ทั้งนี้อย่างไรก็ตามทางรัฐจะยังคงปฎิบัติตามกฎหมายการแต่งกายต่อไปโดยในระหว่างนี้มีการยื่นเรื่องทางกฎหมายเพื่อให้ศาลพิจารณาคดีตัดสิน
โดยความตรึงเครียดจากการห้ามนักเรียนหญิงมุสลิมสวมฮิญาบเข้าโรงเรียนเกิดขึ้นในสถานศึกษาบางส่วนที่เขตอูดูปี( Udupi) เขตชีวาม็อกกา (Shivamogga) และ บากาลโกฐ (Bagalkote) รวมไปถึงพื้นที่อื่น ส่งผลทำให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาแทรก
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์รายงานว่า นักเรียนจากสถานศึกษาของรัฐในเดือนที่ผ่านมาถูกสั่งห้ามการสวมฮิญาบผ้าคลุมศรีษะของหญิงมุสลิมเข้าชั้นเรียน และนับตั้งแต่นั้นมาบรรดากลุ่มชาวฮินดูหัวรุนแรงพยายามที่จะไม่ให้คนที่คลุมศรีษะด้วยญิฮาบสามารถเดินผ่านเข้าไปด้านในโรงเรียนหรือวิทยาลัยได้
รัฐบาลรัฐกรณาฏกะที่มีประชากร 12% ภายในรัฐเป็นชาวมุสลิมแถลงในคำสั่งเมื่อวันเสาร์(5)ที่ผ่านมาว่า โรงเรียนทุกแห่งต้องปฎิบัติตามกฎหมายการแต่งกายและทำให้เพิ่มการเผชิญหน้าระหว่างชุมชนชาวมุสลิมและชุมชนชาวฮินดูเพิ่มมากขึ้น
บีซี นาเกช(BC Nagesh) รัฐมนตรีศึกษาธิการประจำรัฐกรณาฏกะที่เป็นคนทวีตคำสั่งกล่าวว่า กฎหมายการแต่งกายในสถานศึกษาเกิดขึ้นหลังมีการศึกษาคำพิพากษาของศาลจากทั่วประเทศที่ห้ามการสวมฮิญาบภายในสถานศึกษา
และกลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง 2 ค่ายที่ฝ่ายมุสลิมออกมาประณามคำสั่งห้ามขณะที่ฝ่ายฮินดูกล่าวว่าเพื่อนร่วมชั้นมุสลิมขัดขวางการศึกษาของพวกเขา
ทั้งนี้พบว่าวิดีโอคลิปชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นนักเรียนหญิงมุสลิมรายหนึ่งที่สวมฮิญาบกำลังถูกม็อบฮินดูชาตินิยมส่งเสียงโห่ไล่เกิดขึ้นที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐและกลายเป็นไฟสุมสร้างความไม่พอใจไปทั่ว
มุสกาน ข่าน (Muskan Khan) บุคคลในคลิปถูกกลุ่มฮินดูชาตินิยมที่มีผ้าคล้องไหล่สีเหลืองแซฟฟรอนเป็นสัญลักษณ์รุมล้อมขณะที่เธอไปถึงวิทยาลัยในมานดยา (Mandya) ซึ่งเธอชี้ว่าสมาชิกของกลุ่มที่ว่านี้เป็นคนนอกเป็นส่วนใหญ่
ข่านกล่าวให้สัมภาษณ์กับ NDTV ว่า "ดิฉันไปที่นั่นแค่เพื่อต้องการส่งการบ้านและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมดิฉันจึงเข้าไปในวิทยาลัย คนพวกนี้ไม่ต้องการให้ดิฉันเข้าไปด้านในเพียงเพราะดิฉันกำลังสวมบุรเกาะอ์ (Burqa)"
การห้ามสวมผ้าคลุมศรีษะสำหรับหญิงมุสลิมในสถานศึกษาครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับชุมชนนักเรียนมุสลิมไปทั่วโดยคนเหล่านี้ชี้ว่า เป็นการโจมตีความเชื่อทางศาสนาของพวกเขาและเธอที่ถูกคุ้มครองภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญอินเดีย
อัลญะซีเราะฮ์รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค ปีที่ผ่านมาพบนักเรียนหญิงมุสลิมที่สวมฮิญาบจะถูกอาจารย์ในวิทยาลัยอูดูปี (Udupi College)จดบันทึกว่าขาดเรียนถึงแม้ว่านักเรียนเหล่านี้จะพยายามเข้าชั้นเรียนก็ตาม
VOA รายงานว่าการประท้วงครั้งแรกเกิดขึ้นที่วิทยาลัยอูดูปีซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วนในระดับมัธยมปลายตั้งอยู่ในเขตอูดูปี และหลังจากที่มีโรงเรียนภายในรัฐเพิ่มมากขึ้นบังคับใช้กฎหมายการแต่งกายทำให้มีนักเรียนบางส่วนยื่นเรื่องร้องต่อศาลโดยชี้ว่า "สิทธิทางศาสนาของคนเหล่านี้กำลังถูกท้าทาย" อ้างอิงจากเอพี
ซึ่งศาลสูงรัฐกรณาฏกะในวันพุธ(9)ที่พิจารณาการยื่นเรื่องทางกฎหมาย 2 คดีเกี่ยวข้องกับปัญหาการห้ามสวมญิฮาบในสถานศึกษาได้ออกคำเสนอแนะให้มุขมนตรีรัฐส่งเรื่องไปยังคณะที่ใหญ่กว่าเพื่อพิจารณา บีบีซี สื่ออังกฤษรายงาน
ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวด้านการศึกษาเด็กหญิงชื่อดังและยังเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ มาลาลา ยูซาฟไซ ในวันอังคาร(8) ได้แสดงความเห็นทางทวิตเตอร์กล่าวว่า
"วิทยาลัยกำลังบังคับให้เราต้องเลือกระหว่างการศึกษาหรือญิฮาบ" และเธอกล่าวต่อว่า "การปฎิเสธเด็กหญิงสวมฮิญาบไปโรงเรียนถือเป็นสิ่งที่น่าสยดสยอง การปฎิบัติด้วยการลดคุณค่าเป็นแค่วัตถุของการมีอยู่ของสตรีที่ว่าสวมน้อยลงหรือมากขึ้น ผู้นำอินเดียต้องหยุดการปฎิบัติที่ไม่ให้ความสำคัญต่อเหล่าหญิงมุสลิม"