xs
xsm
sm
md
lg

‘รัสเซีย’กับ‘ตะวันตก’จะรบกันเพื่อแย่ง‘ยูเครน’ ที่ใกล้สูญสลายอยู่แล้วกระนั้นหรือ ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เดวิด พี. โกลด์แมน


ครูฝึกทหารอเมริกัน สอนทหารยูเครนถึงวิธีใช้ขีปนาวุธทำลายบังเกอร์ M141 Bunker Defeat Munition (SMAW-D) ที่ลานฝึก ใกล้ๆ กับเมืองลาวีฟ ทางภาคตะวันตกของยูเครน เมื่อวันอาทิตย์ (30 ม.ค.) (ภาพจากสำนักงานสารนิเทศ กระทรวงกลาโหมยูเครน)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Ukraine is the hollow man of Europe
By DAVID P. GOLDMAN 26/01/2022

ทำไมจะต้องสู้รบกันเพื่อแย่งชิงประเทศซึ่งอัตราเกิดอยู่ในระดับต่ำมากๆ รวมทั้งยังเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนผู้อพยพไปทำงานในต่างแดนสูงที่สุดรายหนึ่งของโลก

ยูเครน กำลังอยู่ในสภาพสูญสลายหดหายไปเรื่อยๆ อยู่แล้วในเวลานี้ ด้วยเหตุผล 2 ประการ อย่างแรกคือ นี่เป็นประเทศซึ่งมีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก โดยตัวเลขอยู่ที่แค่เด็ก 1.23 คนต่อสตรี 1 คน และอย่างที่สอง นี่เป็นประเทศซึ่งอัตราส่วนผู้อพยพออกไปต่างแดนอยู่ในระดับสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เรียกได้ว่า ไม่มีประเทศอื่นที่ไหนอีกแล้วที่ตั้งความปรารถนาเพื่อปลดเปลื้องตนเองให้หลุดออกจากการดำรงคงอยู่ ได้อย่างเด็ดเดี่ยวแรงกล้าถึงขนาดนี้

ความเสื่อมถอยในทางประชากรของยูเครนช่างแจ่มจัดเหลือเกิน จนสมควรที่จะต้องบรรจุเอาไว้ในลำดับต้นๆ ของรายการข้อพิจารณาทางยุทธศาสตร์ แล้วทำไมนาโต้กับรัสเซียจึงทำท่าจะมาสู้รบกันสืบเนื่องจากยูเครนกันอีก? จะสู้รบเพื่อใครกัน?

ชาวยูเครนกำลังออกเสียงด้วยเท้าของพวกเขาเองอยู่แล้ว จำนวน 9 ล้านคนเวลานี้เดินทางไปทำงานอยู่ในต่างแดน ทั้งนี้ตามตัวเลขข้อมูลของ สภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติของยูเครน ( National Security and Defense Council of the Ukraine) โดยที่ 3.2 ล้านคนมีตำแหน่งงานแบบงานประจำอยู่ในประเทศอื่นๆ ขณะที่ชาวยูเครนที่อยู่ในวัยระหว่าง 20 ถึง 55 ปี มีจำนวนเพียง 21 ล้านคน นี่บ่งชี้ให้เห็นว่า มากกว่า 2 ใน 5 ของชาวยูเครนที่อยู่ในวัยเหมาะสมกับการทำงานมากที่สุด ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการไปพำนักอาศัยในที่อื่นๆ
(ดูเพิ่มเติมเรื่องชาวยูเครนอพยพไปทำงานต่างแดน ได้ที่ https://www.wilsoncenter.org/blog-post/losing-brains-and-brawn-outmigration-ukraine-0)

ผมไม่ทราบว่าการประมาณการนี้ รวมเอาจำนวนโสเภณีชาวยูเครนราวครึ่งล้านคน ซึ่งกำลังทำงานอยูในต่างแดนตั้งแต่ที่ประเทศได้รับเอกราชเป็นต้นมา เข้าไปด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ตัวเลขนี้มาจากการประมาณการอย่างเป็นวิชาการ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.google.com/books/edition/International_Sex_Trafficking_of_Women_C/z0aiWVfPiakC?hl=en&gbpv=1&bsq=prostitution+in+ukraine&pg=PA128&printsec=frontcover)

เรื่องที่แย่ยิ่งกว่านี้อีกก็คือ รายงานการศึกษาข้างต้นของ ศูนย์วิลสัน ระบุว่า ประชาชนชาวยูเครนผู้มีการศึกษาชั้นเยี่ยมที่สุด น่าจะเป็นผู้ที่ออกไปจากประเทศมากที่สุด
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.wilsoncenter.org/blog-post/losing-brains-and-brawn-outmigration-ukraine-0) โดยรายงานเขียนเอาไว้อย่างนี้:

“ชาวยูเครนที่ไปต่างประเทศเพื่อศึกษาเล่าเรียน มักมีทัศนะว่าการศึกษาของพวกเขาเป็นขั้นตอนแรกของการอพยพไปอยู่ต่างแดน การสำรวจชิ้นหนึ่งซึ่งสอบถามความคิดเห็นของพวกนักศึกษาชาวยูเครนในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งที่อยู่ในโปแลนด์, ฮังการ, และสาธารณรัฐเช็ก แสดงให้เห็นว่า พวกนักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในประเทศเหล่านี้ ต่างมีแรงกระตุ้นทำนองเดียวกันสำหรับเรื่องนี้ พวกเขาส่วนใหญ่บอกว่าตั้งใจที่จะให้ได้ใบรับรองวุฒิการศึกษาเพื่อจะได้ไปทำงานในอียูในอนาคต เนื่องจากเงื่อนไขชีวิตความเป็นอยู่ในยูเครนนั้นไม่เป็นที่น่าพึงพอใจเลย จึงแทบไม่มีใครวางแผนกลับบ้านภายหลังสำร็จการศึกษา พวกที่กลับไปจริงๆ น่าจะเป็นพวกซึ่งไม่สามารถปักหลักอยู่ต่างแดนอย่างถาวรได้


ชาร์ต: เดวิด พี. โกลด์แมน, เอเชียไทมส์

ชาวยูเครนอาจจะมีลูก ทว่าพวกเขาไม่ค่อยมีลูกกันหรอกถ้าอยู่ในยูเครนเอง หลังจากประสบกับความเสื่อมถอยในทางประชากรมานานปี ประเทศนี้ในปัจจุบันมีพลเมืองที่อยู่ในวัยอายุเกิน 65 ปี มากกว่าประชากรซึ่งอยู่ในวัยทำงานระหว่าง 20 ถึง 65 ปี

ถ้าอัตราการเจริญพันธุ์ยังคงที่เช่นนี้ต่อไป โครงการประชากรของสหประชาชาติ (UN Population Program) ทำนายว่า จำนวนประชากรของยูเครนจะลดลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่งภายในศตวรรษนี้ ขณะที่สถาบันด้านประชากรแห่งสำคัญที่สุดของประเทศคิดว่า ยูเครนเวลานี้มีประชากรน้อยกว่าจำนวนที่รายงานไว้โดยผลการทำสำมะโนประชากรของทางการ ประมาณ 30% อยู่แล้วด้วยซ้ำ

ตัวเลขในชาร์ตที่อยู่ในข้อเขียนชิ้นนี้ เป็นตัวเลขที่ได้มาจากสหประชาชาติ แต่ก็อาจจะเกินความเป็นจริงไปมากมาย ในเมื่อสถาบันเพื่อประชากรศาสตร์ ของบัณฑิตยสภาแห่งชาติทางวิทยาศาสตร์ของยูเครน (Ukraine National Academy of Science’s Institute for Demography) ให้ตัวเลขจำนวนประชากรชาวยูเครนในปัจจุบัน ว่ามีเพียง 35 ล้านคน ไม่ใช่ 48 ล้านคนอย่างที่ปรากฏในรายงานการทำสำมะโนประชากรอย่างเป็นทางการ (นอกจากนั้น สถาบันแห่งนี้ยังพยากรณ์ว่า ชายชาวยูเครนที่เวลานี้อยู่ในวัย 20 ปีจำนวน 3 ใน 10 ทีเดียว จะเสียชีวิตไปก่อนอายุถึง 60 ปี สืบเนื่องจากการติดสุราและการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์)
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.theatlantic.com/international/archive/2020/03/ukraine-eastern-europe-depopulation-immigration-crisis/608464/)

มีกรณีของหลายประเทศที่อัตราการเจริญพันธุ์ระดับชาติกลับฟื้นคืนสู่ภาวะปกติได้เหมือนกัน ทว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากยูเครนเป็นอย่างมาก อย่างเช่น การพลิกฟื้นด้านอัตราเจริญพันธุ์ของรัสเซียเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการกลับปรากฏตัวมีอิทธิพลขึ้นมาใหม่ของศาสนาคริสต์นิกายออโธด็อกซ์ (Orthodox Christianity) สำหรับของฮังการีก็พบเห็นการกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ในท่ามกลางการเฟื่องฟูของเศรษฐกิจ

ถ้ายูเครนกลายเป็นจุดร้อนแรงของสงครามขึ้นมาแล้ว มันก็จะเป็นการยืนยันสำบัดสำนวนเย้ยหยันของ คาร์ล มาร์กซ์ ที่พูดเอาไว้ว่า โศกนาฏกรรมของประวัติศาสตร์นั้น ถ้าหากเกิดซ้ำรอยขึ้นมาอีก นั่นก็จะกลายเป็นละครตลกเท่านั้นเอง เซอร์เบียที่มีจำนวนประชากรเติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 1914 มีความกระหายหิวต้องการดินแดนเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นเงื่อนไขความจำเป็นทางด้านประชากรซึ่งกระตุ้นผลักดันให้พวกเขามีความปรารถนาดินแดนบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ของออสเตรีย สงครามโลกครั้งที่หนึ่งคือโศกนากรรม แต่ใช่ว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร้สาระโดยสิ้นเชิง
(ชนวนที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่หนึ่งระเบิดตูมขึ้นมา เกิดจากชายชาวเซอร์เบียที่พำนักในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/World_War_I -ผู้แปล)

ยูเครนในอีกไม่กี่สิบปีต่อไปข้างหน้า จะไม่ได้เป็นชาติที่มีอธิปไตยอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เป็นประชาธิปไตยเลย มันจะกลายเป็นหอเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินที่ส่งเข้ามาให้จากต่างแดน ทว่าเงินดังกล่าวนี้ก็กำลังลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

เงินไหลเข้าจากต่างแดนซึ่งส่งมาโดยพวกคนงานในต่างประเทศนั้น เวลานี้มีจำนวนคิดเป็น 11% ของจีดีพีของยูเครนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ตามตัวเลขของธนาคารโลก ซึ่งถือเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในบรรดาประเทศยุโรปตะวันออกด้วยกัน โดยมีข้อยกเว้นก็เพียงแค่ชาติเล็กนิดเดียวอย่างมอลโดวา



มันเป็นเรื่องลำบากที่จะคาดการณ์ว่าจะเกิดการขัดขืนก่อความไม่สงบของประชาชนเพื่อต่อต้านรัสเซีย หรือผู้รุกรานอื่นๆ ไม่ว่ารายใดก็ตาม ไม่มีใครหรอกที่จะเข้าไปอยู่หลังแนวกั้นถนนเพื่อต่อสู้ทำศึกขณะที่ตนเองยังต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ชาวยูเครนหนุ่มสาวที่มีความทะเยอทะยานสูงที่สุดและมีพลังมากที่สุด ก็ไม่ได้พำนักอยู่ในยูเครนในเวลานี้

สิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมอง ก็คือ มุกตลกขบขันเก่าๆ ยุคปี 1960 ชิ้นหนึ่งที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาประกาศทำสงครามแล้วไม่มีใครมามาร่วมเลย?” ตามผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อเดือนธันวาคม 2021 ชิ้นหนึ่งระบุว่า สามในสี่ของชาวยูเครนบอกว่าราคาค่าน้ำมันและแก๊สที่กำลังพุ่งสูงขึ้น คือสิ่งที่พวกเขาวิตกกังวลมากที่สุด –ไม่ใช่เรื่องโอกาสความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะบุกรุกรานเข้ามา
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www-radiosvoboda-org.translate.goog/a/ukrayina-rosiyskiy-nastup-bez-paniky/31636418.html)

นี่ไม่ได้บ่งชี้ให้เห็นถึงกระแสพุ่งพรวดของความรักชาติและความโกรธเกรี้ยวต่อการคุกคามจากรัสเซียเลย แต่มันเป็นความรู้สึกหดหู่ของการยอมรับชะตากรรมของชาติ และความกังวลในปัญหาเล็กๆ ของการดำเนินชีวิตประจำวันมากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น