เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตัดสินใจในช่วง 7 ปีที่แล้วให้จีนก้าวเข้าไปช่วงชิงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัด มหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 หนึ่งในสุดยอดอีเวนต์กีฬาโลกนั้น จีนฝันสูงฝันไกลที่จะใช้ภารกิจยิ่งใหญ่นี้ไปขับเคลื่อนกลยุทธ์สุดเลิศล้ำเพื่อการยกระดับประเทศอย่างมหาศาลไม่น้อยกว่า 3 เด้ง
ทั้งในด้านการสร้างจอมยุทธ์นักกีฬาฤดูหนาวหน้าใหม่ๆ ไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งเป็นอีเวนต์โลกที่จีนยังห่างไกลความเป็นเจ้าเหรียญทอง (*) ทั้งในการสร้างเศรษฐกิจระดับรากหญ้าที่มีภูเขาหิมะงดงามคุณภาพเลอเลิศ ให้โตกระฉูดโบกมือลาความยากจนอย่างเด็ดขาด ด้วยรายได้ใหม่ๆ ก้อนโตๆ จากอุตสาหกรรมบริการที่เกี่ยวข้องกับเกมกีฬาฤดูหนาวระดับเวิล์ดคลาส และทั้งในส่วนของการสร้างเสาหลักรายได้ประเทศเสาใหม่ลำใหญ่ยักษ์ด้วยพลังอัดฉีดจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ความใฝ่ฝันอันมุ่งมั่นของรัฐบาลจีนมีความก้าวหน้าอย่างอลังการ แม้จะถูกสกัดดาวรุ่งด้วยผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 แต่มองเห็นได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านวัตถุ ด้านคุณภาพประชาชน ไปจนถึงด้านโนว์-ฮาวของระบบเศรษฐกิจชนบทที่ถูกยกระดับขึ้นมหาศาล สามารถเป็นต้นทุนแข็งแกร่งเพื่อต่อยอดไปในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
เอพีและไชน่าเดลี่มีรายงานให้ติดตามสถานการณ์ “ตั้วเฮียออฟเอเชีย” ซึ่งเป็นต้นแบบการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจที่ทรงคุณค่ายิ่ง
ขณะถือสกีอยู่ข้างเนินสโลปง่ายๆ สำหรับผู้หัดใหม่ โค้ชหลี่ เว่ย มั่นอกมั่นใจและกระตือรือร้นกับงานฤดูหนาวซึ่งยึดเป็นอาชีพหลัก 4 เดือนต่อปีช่วงว่างเว้นจากการทำไร่ข้าวโพด ใช่แล้ว เกษตรกรหนุ่มใหญ่ร่างกายแข็งแกร่งหันมาเป็นครูสอนเล่นสกีเป็นประจำทุกฤดูหนาว โดยพื้นที่ทำงานของเขาอยู่ในย่านชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง
หนุ่มใหญ่ชาวไร่ข้าวโพดร่างสูงผิวสีแทนวัย 36 ปีผู้นี้ ทำงานในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงมีนาคม ณ รีสอร์ตสกีในอำเภอเอี๋ยนชิ่ง (Yanqing District - อักษร Y ออกเสียงเป็นตัว“อ” และเป็นสระเอีย) อันเป็นส่วนหนึ่งของกรุงปักกิ่ง และเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ให้เป็น “เขตการแข่งขันโซนที่ 3” ของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 โดยจะมีการจัดแข่งขันรายการสกี ลูช (แคร่เลื่อนหิมะ) ตลอดจนรายการสไลด์ลงเขาประเภทอื่นๆ รวมทั้งบอบสเลด สเคเลทัน
ทั้งนี้ จีนจะทำพิธีเปิดมหกรรมครั้งใหญ่ของโลกอย่างอลังการในวันที่อังคาร 4 กุมภาพันธ์ 2022 โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเป็นประธานในพิธีด้วยตนเอง
พรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นผู้ปกครองจีนกำหนดกลยุทธ์ที่จะใช้มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ซึ่งจีนโปรโมทในชื่อว่า ปักกิ่ง 2022 (Beijing 2002) เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการเล่นกีฬาฤดูหนาวในหมู่ประชาชน เพื่อประโยชน์ทางสุขภาพ และเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นชนบท ตลอดจนเพื่อสร้างเสาหลักไซส์ยักษ์แห่งแหล่งรายได้เซ็กเมนต์ใหม่ให้แก่ระบบเศรษฐกิจ แม้ว่า หลายๆ ประเภทของกีฬาฤดูหนาวยังเป็นของใหม่สำหรับชาวจีนส่วนใหญ่
ทุกวันนี้ สกีเป็นกระแสที่มาแรงแซงทุกโค้ง
ความเฟื่องฟูของสกี “ทำให้รายได้ของผมพุ่งขึ้นไปสู่เพดานใหม่เลยครับ” โค้ชหลี่ กล่าว โค้ชคิดค่าเรียนในราคาคอร์สเรียนละ 400 ถึง 500 หยวน (ราว 2,100 ถึง 2,625 บาท) –เกือบเท่ากับรายรับที่ครอบครัวของเขาหาได้ใน 1 สัปดาห์จากการปลูกข้าวโพดในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่น
นอกจากนั้น โค้ชหลี่ยังพบว่าการเล่นสกีช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
“แค่ได้สไลด์ลงจากเนินความยากกลางๆ สัก 2-3 เนิน เรื่องไม่สบายใจของผมก็หายไปหมด” เกษตรกรนักสกีผู้มีออร่าเคร่งขรึมเล่าอย่างนั้น
เยาวชนร้อนแรงไล่ล่าความฝัน: ขอเป็นฮีโร่นักกีฬาของชาติ
ผู้คนมากมายในปักกิ่งสนุกกับการเล่นสเก็ตน้ำแข็งช่วงฤดูหนาวตามทะลสาบและลำคลองมานานแล้ว แต่ในปัจจุบัน เด็กรุ่นใหม่ชาวจีนขยายความมุ่งมาดปรารถนาทางด้านกีฬา จากบาสเกตบอล ฟุตบอล และยิมนาสติก ไปยังกีฬาอย่างฮอกกี้น้ำแข็งและสกี
ทั้งรัฐบาลและพวกบริษัทเอกชนพากันเนรมิตลานสเก็ตน้ำแข็ง และลู่วิ่งสกี โรงเรียนรัฐบาลเพิ่มกีฬาสเก็ตน้ำแข็งและกีฬาฤดูหนาวอื่นๆ เข้าไปในหลักสูตร ด้านคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองก็ทำหน้าที่เปิดกระเป๋าจ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้ลูกหลานได้เข้าทีมฮอกกี้น้ำแข็งและได้เข้าคอร์เรียนการเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ส่วนหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ เนินเล่นสกีพากันสร้างโรงแรมที่พักเพื่อรับรองนักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่ง
“โตขึ้นผมอยากเป็นนักฮอกกี้น้ำแข็ง” หนุ่มน้อย 8 ขวบ นามว่า กั๋ว อี่ว์เฉิน รำพึงความใฝ่ฝัน น้องกั๋วเล่นกีฬานี้มาตั้งแต่อายุ 4 ปี และทุ่มเทฝึกซ้อมอาทิตย์ละ 7 ชั่วโมงที่ลานแห่งหนึ่งในปักกิ่ง “ผมสามารถนำเกียรติยศมาให้ประเทศของผมได้อย่างแน่นอนครับ”
อู๋ เมิ่งไข่ วัย 11 ปี เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวด้วยน้ำเสียงฉะฉานบอกว่าฮอกกี้น้ำแข็งทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น และกลายเป็น “คนร่าเริงแจ่มใสมาก”
“คุณทำตัวเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ได้หรอกครับถ้าจะเล่นฮอกกี้น้ำแข็ง” หนุ่มน้อยแซ่อู๋ ว่าอย่างนั้น “คุณต้องเป็นคนกล้าสู้คนอื่น”
การตลาดเพื่อลูกค้ากลุ่มชาวต่างชาติ คือ แป้กสนิท เพราะนโยบาย “โควิดต้องเป็นศูนย์”
มาร์ก ดรายเออร์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "Sporting Superpower: An Insider's View on China's Quest to Be the Best." ชี้ว่า การเตรียมการสำหรับโอลิมปิกฤดูหนาวคราวนี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแนวโน้มแห่งการไขว่คว้าช่องทางสู่ความสุดยอดฝีมือ ขึ้นมาอย่างคึกคัก
“เราได้เห็นแรงผลักดันตามธรรมชาติจากพวกชนชั้นกลางในจีนมากขึ้น มีการยอมรับคุณค่าของกีฬา ไม่ใช่เพียงเพราะมันดีสำหรับลูกๆ ของพวกเขาเท่านั้น แต่มันดีสำหรับพวกเขาเองด้วย” ดรายเออร์ กล่าว
โอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้จะจัดแบบไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือกระทั่งไม่มีผู้เข้าชมธรรมดาทั่วไป ภายใต้ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลปักกิ่งที่กำหนดว่า “โควิดต้องเป็นศูนย์” บนความมุ่งหมายที่จะป้องกันสุดฤทธิ์ไม่ให้ไวรัสวายร้ายเข้ามาอาละวาดภายในประเทศ ทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้สื่อข่าว ถูกจำกัดที่ทางอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องอยู่แต่ในพื้นที่เฉพาะซึ่งแยกออกมาจากสาธารณชนทั่วไป
ปรากฏว่า จากจำนวนผู้คน 3,695 รายซึ่งเดินทางจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมมหกรรมปักกิ่ง 2022 โอลิมปิกฤดูหนาว มี 106 คนทีเดียวที่มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ออกมาเป็นบวก 2 คนในจำนวนนี้เป็นนักกีฬาหรือเจ้าหน้าที่ของทีมกีฬา
ภายในเมืองหลวงของจีนเองมีการประกาศใช้มาตรการต่อสู้ไวรัสอย่างเข้มงวดขั้นสุด อาทิ มีประชาชนถึง 2 ล้านคนจากพื้นที่แห่งหนึ่งของปักกิ่งถูกสั่งให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อภายหลังพบการระบาดจำนวนไม่มากนักขึ้นมา บางครอบครัวถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน
พวกแบรนด์กีฬาต่างประเทศมองเห็นลู่ทางโอกาสทางธุรกิจในจีน แต่ต้องมาฝันสลาย เมื่อตลาดพัฒนาไม่ได้ และธุรกิจหยุดชะงักเพราะอุปสรรคจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำสั่งห้ามชาวต่างประเทศเดินทางเข้าจีนเกือบทุกกรณี
“งานกร่อยเลยครับ” บ่นออกมาโดย เจฟฟรีย์ พอตเทอร์ ประธานบริหารโปรสเก็ตคอร์เนอร์ ผู้จัดจำหน่ายในจีนของผลิตภัณฑ์ “ทรู” บริษัทอเมริกันที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับฮอกกี้น้ำแข็ง
ถ้าไม่เป็นเพราะโรคระบาดใหญ่ ความคึกคักทางการตลาดจากโอลิมปิกจะต้องใหญ่โตกว่านี้มาก และจะเป็นตัวช่วยภาวะเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง พร้อมกับทำให้กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งยิ่งป๊อบปูลาร์มากมายขึ้นไปอีก พอตเทอร์กล่าวเช่นนี้ในการให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากเมืองโทรอนโท ประเทศแคนาดา
แต่ตลาดภายในประเทศ คือ เฟื่องฟูซู่ซ่า ด้วยแรงฮอตฮิตอยากลองเล่นกีฬาฤดูหนาวเหมือนคนอื่นเขา
ณ รีสอร์ตสกี ว่านเกอ สือจิงหลง ในอำเภอเอี๋ยนชิ่ง ซึ่งโค้ชหลี่ เป็นครูสอนอยู่นั้น หลง เซี่ยเหลียน ลูกค้าคนหนึ่งบอกว่า เธอตกหลุมรักสกีตั้งแต่หนแรกที่เธอลองหัดเล่นถึงแม้ต้องหกล้มไม่รู้กี่ครั้ง
“เพื่อนของดิฉันไปหัดเล่นสกีกันมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ” สาวแซ่หลง ให้สัมภาษณ์อย่างนั้น ขณะหยุดพักจากการเล่นสกีและพูดคุยกับเพื่อนๆ
แขกของรีสอร์ตแห่งนี้เพิ่มจำนวนขึ้นราว 15 – 20% ตั้งแต่ที่กรุงปักกิ่งและเมืองจางเจียโข่ว ซึ่งอยู่ติดกัน ได้รับคัดเลือกในปี 2015 ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ทั้งนี้ เป็นตัวเลขข้อมูลจาก หลิว อิงข่าย ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของรีสอร์ต ผู้จัดการหลิวบอกอีกว่า เฉพาะปีที่แล้ว ตัวเลขเพิ่มขึ้น 40% ทีเดียว ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเกิดโรคระบาดใหญ่
จาง เสี่ยงตง เติบโตขึ้นมาในจางเจียโข่ว แต่ก็ไม่เคยหัดเล่นสกีเลย เขามาหัดเล่นกีฬาชนิดนี้ตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว “ผมต้องเรียนรู้วิธีเล่นสกีแล้วล่ะครับ เวลาที่ผมพาลูกมาที่นี่คราวหน้า ผมจะได้รู้ว่าต้องสอนลูกยังไง” วิศวกรไอทีผู้นี้ บอก
ในอีกด้านหนึ่ง มีคนในปักกิ่งอย่างน้อย 8,000 คน แห่กันขึ้นทะเบียนสังกัดทีมฮอกกี้น้ำแข็ง เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) หนังสือพิมพ์ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงาน โดยอ้างคำพูดของ ซิง เหอ รองเลขาธิการสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งปักกิ่ง
หวัง อี้ว์หมิง ผู้จัดการใหญ่ของลานกีฬาน้ำแข็ง สตาร์ หงอ๋าว ทางตะวันตกของกรุงปักกิ่ง เล่าว่า “มีการจัดรายการแข่งขันกันบ่อยขึ้น และทีมโรงเรียนต่างๆ มักจะมาฝึกซ้อมกันที่นี่”
นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ตลอดทั่วประเทศจีน มีการสร้างลานกีฬาน้ำแข็งขึ้นใหม่ประมาณ 450 แห่ง รวมเป็น 654 แห่งในปัจจุบัน ขณะที่รีสอร์ตสกีทั้งแบบในร่มและกลางแจ้งก็มีการลงทุนสร้างใหม่สองร้อยกว่าแห่ง รวมเป็น 803 แห่งแล้ว จากเดิมที่เคยมีอยู่ 568 แห่งในปี 2015 ถึงแม้บางแห่งต้องปิดตัวอยู่เป็นพักๆ ระหว่างที่เกิดโรคระบาดใหญ่ นี่เป็นคำบอกเล่าของ หลี่ เซิน ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนทั่วไปของคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกปักกิ่ง
ไม่ใช่บังเอิญที่กีฬาฤดูหนาวกลายเป็นไลฟ์สไตล์ฮอตฮิตทั่วจีน ในเมื่อรัฐบาลตั้งเป้าหมายและช่วยทุ่มทุนสร้าง
ความสนุกสนานกับกีฬาฤดูหนาวก็ไปบูมสนั่นฮอตฮิตในเมืองที่ปราศจากภูเขาหิมะด้วย
น้อง 9 ขวบนาม หลี่ เหยาเซิง ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยไม่เคยได้เห็นลานน้ำแข็งด้วยตาตนเองแม้สักครั้งในชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องปกติในเมื่ออู่ฮั่นเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้ชื่อว่า “นครแห่งเตาหลอมละลาย” โดยในรอบ 12 เดือนจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเพียงประมาณ 7 องศาเซลเซียส
แต่ชีวิตของน้องเเหยาเซิงเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เพราะเมื่อศูนย์กีฬาน้ำแข็งอันมโหฬาร ณ ใจกลางเมืองอู่ฮั่น ถูกเนรมิตขึ้นมาเรียบร้อยพร้อมเปิดให้บริการภายในพื้นที่โซนพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีแห่งอู่ฮั่น (WHDZ) ผู้บริหารโรงเรียนก็อนุมัติให้จัดชั่วโมงพลศึกษากันที่ลานสเก็ตน้ำแข็งที่นั่น เด็กๆ อันเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ของชาติ จึงมีโอกาสที่จะขับเคลื่อนความใฝ่ฝันสู่การเป็นนักฮอกกี้อาชีพได้ทั่วหน้า มิใช่เพียงคนเมืองอู่ฮั่น เพราะศูนย์กีฬาน้ำแข็งแห่งนี้สามารถรองรับประชาชนได้ทั้งมณฑลหูเป่ย และมณฑลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมณฑลในภาคกลางและภาคใต้ที่ไม่มีโอกาสดีเทียบเท่ากับทางมณฑลตอนเหนือกับตะวันออกเฉียงเหนือ
“เวลาอยู่บนน้ำแข็ง ผมรู้สึกว่าผมแสดงตัวตนได้เต็มที่ครับ ผมชอบมากตอนที่เลื่อนตัวไปบนแผ่นน้ำแข็ง แล้วตีลูกพัคเข้าประตู” น้องเหยาเซิงให้สัมภาษณ์ซินหัวอย่างออกรส
ซินหัวรายงานว่าในความสำเร็จที่สามารถคว้าสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 หรือ Beijing Winter Olympic เมื่อ 7 ปีที่แล้วนั้น รัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายไว้เลยว่าจะส่งเสริมคนจีน 300 ล้านรายจากทั่วทั้งประเทศ ให้เข้าร่วมในกีฬาฤดูหนาวทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นกีฬากลุ่มหิมะหรือกีฬากลุ่มน้ำแข็ง
เป้าหมายดังกล่าวมิใช่เพียงมุ่งจะค้นหาและสรรค์สร้างยอดฝีมือนักสกีนักสเก็ตเท่านั้น หากยังกำหนดไปที่การสร้างสุขภาพอนามัยในหมู่ประชาชน ตลอดจนการสร้างธุรกิจการท่องเที่ยวฤดูหนาวเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในพื้นที่ท้องถิ่นด้วย
แนวโน้มความสำเร็จตามเป้าหมายปรากฏแจ่มชัดตั้งแต่ต้นปี 2019 ด้วยสถิติของสถาบันการท่องเที่ยวจีนที่สำรวจพบยอดรวมของชาวจีนที่ทำกิจกรรมท่องเที่ยวฤดูหนาวในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017 ถึงเดือนมีนาคม 2018 มหาศาลถึง 197 ล้านคน
ตัวช่วยสำคัญมี 2 ส่วนคือ กระแสคึกคักในบรรดาสาธารณชนซึ่งได้เห็นศูนย์กีฬาคอมเพล็กซ์ฤดูหนาวผุดขึ้นมากมายตามมณฑลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่รัฐบาลทุ่มทุนสร้าง หรือที่ภาคธุรกิจเอกชนโปรยเม็ดเงินลงทุนอย่างมั่นอกมั่นใจในความสำเร็จด้านผลตอบแทน และในทิศทางเดียวกันนี้ ค่าใช้จ่ายเพื่อเล่นกิจกรรมฤดูหนาวก็ถูกสตางค์ลงมามหาศาล ล้อกันไปกับจำนวนผู้คนที่แห่กันเข้าสู่อุตสาหกรรมบันเทิงเซ็กเมนต์นี้
จุดเด่นที่ถูกจับตาเป็นอย่างยิ่งคือ ความสำเร็จในระดับท้องถิ่น สถาบันการท่องเที่ยวจีนรายงานว่า ความเฟื่องฟูในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฤดูหนาวช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจกระชุ่มกระชวยเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาขึ้นมาภายในเมืองชนบทกับหมู่บ้านห่างไกล ที่มีแหล่งสกีและแหล่งสเก็ตน้ำแข็ง พร้อมกับแปลงโฉมระบบเศรษฐกิจในพื้นถิ่นเหล่านั้นอย่างทันตาเห็น
ธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ครอบคลุมตั้งแต่ร้านอาหาร ที่พัก รีสอร์ต ร้านค้าผลงานศิลปะ กิจการต่างๆ ที่เกี่ยวกับกีฬาฤดูหนาว ไปจนถึงศูนย์กีฬาสปอร์ตคอมเพล็กซ์ที่เปิดให้เข้าไปเล่น เข้าไปฝึกฝน และที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันต่างๆ
ทะลุเป้าหมายไปถึง 346 ล้านราย ฮอตฮิตสุดๆ คือกลุ่มนักเรียน อนาคตจอมยุทธ์แห่งกองทัพนักกีฬาฤดูหนาว
ชาวจีนหลายร้อยล้านรายได้ร่วมกิจกรรมกีฬาฤดูหนาวทั้งแบบที่เข้าไปฝึกเล่นจริงจังและแบบที่เป็นการละเล่นสนุกๆ ซึ่งไม่ต้องสวมชุดหรืออุปกรณ์พิเศษ อีกทั้งไม่ต้องใช้ทักษะความชำนาญ อย่างเช่น แคร่เลื่อนหิมะที่เข้าไปนั่งในพาหนะพื้นแบนด้วยกันสามสี่คน แล้วก็พุ่งหวือลงไปตามลานหิมะที่ไม่ชันนักแต่สนุกหนักหนาแถมยังปลอดภัยเป็นอันดี หรือปั่นจักรยานล้อโตลุยหิมะ (Fat Bike) ชมวิวภูเขาอันขาวโพลน มโหฬารน่าตื่นตาตื่นใจ เป็นต้น
ตัวเลขผู้เข้าร่วมกิจกรรมกีฬาฤดูหนาวของจีนฝ่าทะลุเป้าหมาย 300 รายทั่วประเทศที่ตั้งไว้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เป็นที่เรียบร้อย โดยแตะระดับ 346 ล้านรายกันเลยทีเดียว ตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่าได้กับสัดส่วนหนึ่งในสี่ของประชากรจีนทั้งประเทศ
“ผู้คนพากันมาร่วมกิจกรรมกีฬาน้ำแข็งและหิมะกันล้นหลาม ทะลุเป้า 300 ล้านรายได้สำเร็จนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะเรามีการลงทุนสร้างสถานที่และอุปกรณ์ให้มากมายเพียงพอที่จะรองรับความสนใจของประชาชนได้ในระดับราคาไม่สูงครับ โรงเรียนก็ล้วนแต่ตื่นตัวช่วยส่งเสริมกันคับคั่ง และอีกอย่างหนึ่งคือเราปรับปรุงการฝึกหัดเล่นกีฬาฤดูหนาวกันในระดับรากหญ้าอย่างทั่วถึงเลยครับ” คุณหวาง อี้ว์ซย์ง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์การกีฬาของมหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐศาสตร์ ให้สัมภาษณ์แก่ไชน่าเดลี ไว้อย่างนั้น
ไชน่าเดลีรายงานว่ากีฬาฤดูหนาวเป็นที่นิยมกันในแวดวงนักเรียนทั่วประเทศ ขณะที่โรงเรียนพากันตื่นตัวจัดโปรเจ็กต์ให้ได้เล่นกันบ่อยๆ
โรงเรียนประถมศึกษา Dianchan Road Elementary School ทางซีกตะวันตกของกรุงปักกิ่งจัดทำลานให้นักเรียนเล่นสกีติดล้อเป็นที่สนุกสนาน แต่ทีเด็ดอยู่ที่ด้านหลังโรงเรียนซึ่งมีลานน้ำแข็งในอาคารให้เล่นกันได้ตลอดปี แม้กระทั่งในช่วงฤดูร้อนซึ่งอุณหภูมิจะร้อนขึ้นมาถึง 30 องศาเซลเซียสก็ตาม
นักเรียนราว 300 คนในโรงเรียนจึงได้สนุกเฮฮากับวิชาพลศึกษา โดยได้ฝึกเล่นฮอกกี้น้ำแข็ง ไปจนถึงวิ่งแข่งสเก็ตน้ำแข็งความเร็วสูง และการเล่นเคิร์ลลิ่ง ซึ่งล้วนแต่ตื่นเต้นเร้าใจ
ความทุ่มเทของบรรดาผู้บริหารโรงเรียนต่อเรื่องการส่งเสริมให้เด็กๆ ได้มีประสบการณ์ด้านกีฬาฤดูหนาว ปรากฏให้เห็นแบบพรึ่บพรับนั้นเป็นไปตามแผนการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานการกีฬา โดยมีการขับเคลื่อนกันมาตั้งแต่ปี 2018 รายงานตัวเลข ณ ปี 2018 ระบุว่าโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษามากกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ได้บรรจุกีฬาฤดูหนาวไว้ในหลักสูตร และจะเพิ่มให้เป็น 5,000 แห่งภายในปี 2025
เศรษฐกิจในท้องถิ่นชนบทเติบใหญ่คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีนที่สนุกกับกีฬาฤดูหนาว
ความเฟื่องฟูของกีฬาฤดูหนาวเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และธุรกิจบริการ พร้อมกับช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชาวจีนในเขตชนบทซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ รีสอร์ตกีฬาฤดูหนาวทั้งปวง
“พวกนักท่องเที่ยวจะต้องมีที่กิน ดังนั้น จึงต้องมีร้านอาหารตั้งอยู่ใกล้ๆ” กล่าวโดยเจียง ซินเว่ย แห่ง อะนาไลซิส อินเตอร์เนชั่นแนล (Analysys International) บริษัทวิจัยในปักกิ่ง
โห่วเฮยหลง เมี่ยว หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอเอี๋ยนชิ่ง มีทิวทัศน์งดงามอย่างที่สุด สามารถมองเห็นสถานที่แข่งขันสกีของโอลิมปิกฤดูหนาวได้จากระยะไกล ปรากฏว่า คนเจ้าไอเดียรู้จักคิดอ่านนำเอาบ้านพักแบบมีลานบ้านตามประเพณีจีน มาปรับปรุงให้เป็นที่พักทันสมัยต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งตั้งร้านขายอาหารและเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่แห่งหนึ่งขึ้นมา ตั้งชื่อให้เข้าสมัยว่า “บ้านโอลิมปิกฤดูหนาว” (Winter Olympic Home)
หวัง ไห่ฟาง คุณแม่ลูก 2 เป็นคนหนึ่งในหมู่บ้านที่ขวนขวายมารับจ้างเป็นพนักงานตำแหน่งต่างๆ ตั้งแต่ บาริสตา, บริกร, และคนทำความสะอาด เธอบอกว่าดีใจมากที่ได้เห็นหมู่บ้านที่ครั้งหนึ่งผุพังทรุดโทรมเต็มที ได้รับการปรับปรุงตกแต่งจนเหมือนๆ กับพื้นที่เมืองใหญ่ทันสมัยของปักกิ่ง
“พอถึงช่วงปีที่แล้ว ทุกๆ อย่างก็เข้าที่เข้าทางเหมาะเจาะไปหมด” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม
สถานการณ์เศรษฐกิจดีๆ อย่างนี้ก็ดำเนินอยู่ในเมืองจางเจียโข่วซึ่งเป็นโซนจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาวเช่นกัน โดยที่ว่าอำเภอฉงหลี่ ซึ่งอยู่ในจางเจียโข่ว เคยเป็นอำเภอเกษตรกรรมยากจน ในปี 2015 ประชากร 16.8% มีรายได้ต่ำกว่าเส้นวัดความยากจน
และแล้ว เหมือนดั่งส้มหล่นใส่ เมืองจางเจียโข่วได้เป็นพื้นที่จัดการแข่งขันในฐานะเจ้าภาพร่วมกับปักกิ่ง ในการนี้ อำเภอฉงหลี่พลอยได้รับอานิสงส์อย่างมหาศาล รัฐบาลปักกิ่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปเนรมิตโครงสร้างพื้นฐานมากมายเพื่อแปลงโฉมให้กลายเป็นสวรรค์สำหรับนักสกีและให้สามารถรองรับการแข่งกีฬาฤดูหนาวสารพัดรายการ ซึ่งรวมถึงรถไฟความเร็วสูงที่นำผู้คนไปถึงอำเภอฉงหลี่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
สี่ปีผ่านไป ไวเหมือนความฝัน ในปี 2019 นิวยอร์กไทมส์เขียนถึงอำเภอฉงหลี่ว่าเป็นหนึ่งใน 52 แหล่งท่องเที่ยวเพื่อเล่นสกีดีที่สุดของโลกและควรค่าอย่างยิ่งที่จะแวะไปพักผ่อนและใช้บริการ
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ในเดือนพฤษภาคม อำเภอฉงหลี่ถูกถอดพ้นออกจากลิสต์พื้นที่ยากจนอย่างเป็นทางการ
ชาวบ้านในอำเภอฉงหลี่จำนวนหนึ่งในสี่ มีงานการและรายได้งามๆ ให้ทำในรีสอร์ตสกีที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จำนวนมากมาย อีกทั้งยังได้ทำงานในบริษัทและองค์การต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมรีสอร์ต
ในการนี้ รัฐบาลปักกิ่งจึงมั่นใจว่าเมื่อการแข่งขันกีฬาฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022 เสร็จสิ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้พัฒนาขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวในประเทศจะมีความยั่งยืนยิ่งๆ ขึ้นไป พร้อมกับจะเป็นหนึ่งในเสาหลักหนุนเนื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนโดยรวม และควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบทที่รัฐบาลขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริง
(* ผลงานของจีนในการชิงเหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาวยังอยู่ในโซนต่ำกว่าอันดับที่ 10 มาโดยตลอด อาทิ
ในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2014 จีนจบภารกิจที่อันดับ 12 ได้เหรียญทอง 3 เหรียญจากทั้งหมดที่คว้ามาได้ 9 เหรียญ ขณะที่คู่แข่งแห่งเวทีโลกอย่างสหรัฐอเมริกา จบที่อับดับ 4 ได้เหรียญทอง 9 เหรียญ จากทั้งหมดที่ชนะมาได้ 28 เหรียญ
และในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 จีนจบที่อันดับ 16 ได้เหรียญทองเพียง 1 เหรียญจากทั้งหมด 9 เหรียญ ขณะที่สหรัฐฯ จบที่อับดับ 4 ได้เหรียญทอง 9 เหรียญ จากทั้งหมดที่ชนะมาได้ 23 เหรียญ)
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เอพี เดลีไชน่า globaltimes.cn ซินหัว วิกิพีเดีย)
