ญี่ปุ่นเตรียมเสนอรายชื่อเหมืองแร่ทองคำและเงินบนเกาะซาโดะ (Sado) ให้ได้รับการพิจารณาจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ท่ามกลางเสียงประท้วงจาก “เกาหลีใต้” ที่แย้งว่าสถานที่เหล่านี้เคยมีการบังคับใช้แรงงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
สำนักงานกิจการวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้คัดเลือกเหมืองทองคำและเงินซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนีงาตะ เพื่อเสนอต่อยูเนสโก เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการด้านหัตถกรรมแบบดั้งเดิม และยังเคยเป็นแหล่งผลิตทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงศตวรรษที่ 17
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ออกคำแถลงประท้วงท่าทีของญี่ปุ่น โดยระบุว่ามีชาวเกาหลีจำนวนมากถูกส่งไปใช้แรงงานหนักที่นั่นในช่วงที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีระหว่างปี 1910-1945 และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
บ่ายวันศุกร์ที่แล้ว (28) ชอย จองมุน ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ได้เรียก อาอิโบชิ โคอิจิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เข้าพบเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการ โดยตำหนิรัฐบาลญี่ปุ่นว่า “มองข้ามประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวดของชาวเกาหลีที่ถูกบังคับใช้แรงงาน”
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ระบุว่า การเสนอชื่อเหมืองเงินและทองคำจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 1 ก.พ. และยืนยันว่ารัฐบาลตระหนักดีถึงปฏิกิริยาจากฝั่งเกาหลีใต้
“เราทราบดีว่าเกาหลีใต้ก็มีมุมมองของพวกเขา ดังนั้น เราจึงเห็นว่าควรจะมีการอภิปรายและพูดคุยกันด้วยเหตุและผลอย่างรอบคอบ” นายกฯ ญี่ปุ่นกล่าว
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้แสดงความ “ผิดหวังอย่างยิ่ง” ที่ญี่ปุ่นจะเดินหน้าเสนอชื่อเหมืองบนเกาะซาโดะเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ทั้งๆ ที่เกาหลีใต้ก็ได้พยายามทัดทานหลายครั้งแล้ว
“เราขอเรียกร้องอย่างจริงจังให้พวกคุณหยุดความพยายามนี้เสีย”
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้พัวพันข้อขัดแย้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองหลายอย่างอันสืบเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลี โดยหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องที่ญี่ปุ่นเกณฑ์คนเกาหลีไปบังคับใช้แรงงาน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ศาลเกาหลีใต้ได้พิพากษาบังคับให้บริษัทญี่ปุ่นจ่ายค่าชดเชยให้แก่เหยื่อแรงงานทาส ทำให้ปมประวัติศาสตร์ข้อนี้ลุกลามกลายเป็นสงครามการค้า และยังจุดชนวนข้อพิพาททางประวัติศาสตร์และดินแดนระหว่างกันด้วย
ที่มา : รอยเตอร์
