xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกรายงาน “ประยุทธ์” กลายเป็นนายกฯ ไทยคนแรกเยือน "ซาอุฯ" ปรับปรุงความสัมพันธ์หลังคดีเพชรซาอุฯ ที่อื้อฉาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีไทย ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันอังคาร (25 ม.ค.) เริ่มต้นการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วัน เกิดขึ้นหลังเกิดปัญหาคดีเพชรซาอุฯ กว่า 30 ปีก่อนหน้า ตั้งเป้าถกทางการค้าและโควิด-19

นิเคอิเอเชียรายงานวันนี้ (25 ม.ค.) ว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ราชอาณาจักรที่เย็นชามานานกว่า 30 ปี หลังจากคดีเพชรซาอุฯ ที่อื้อฉาว แต่ล่าสุดวันอังคาร (25) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลายเป็นผู้นำไทยคนแรกที่เดินทางมาเยือนชาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ

โดยผู้นำไทยเดินทางไปเยือนริยาดหลังจากได้รับคำเชิญจากมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (Crown Prince Mohammad bin Salman)

อ้างอิงจากแถลงการณ์ของทำเนียบรัฐบาลพบว่า เป้าหมายการเดินทางเที่ยวนี้ของเขาเพื่อต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งและกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้งสองชาติ

ทั้งนี้ ไทยได้เคยออกมาประกาศว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปจะเริ่มต้นกลับมาเปิดโครงการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยที่ไม่ต้องกักตัวอีกครั้งสำหรับในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส โดยมีเป้าหมายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ซึ่งรวมไปถึงจากภูมิภาคตะวันออกกลางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาด พบว่า ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในไทยจำนวนหลายสิบล้านคนทุกปี

และการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างริยาดและกรุงเทพฯ จะช่วยเป็นการปูทางสำหรับนักท่องเที่ยวจากแดนเศรษฐีน้ำมันเข้ามาท่องเที่ยวในไทยอีกครั้ง สื่อญี่ปุ่นชี้

นอกเหนือจากนี้ การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกันจะเป็นการช่วยเศรษฐกิจไทยซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปในตัว

อาหรับนิวส์ สื่อซาอุฯ รายงานการเยือนครั้งแรกของผู้นำไทยที่เดินทางไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติสนามบินนานาชาติคิงคาลิด ที่กรุงริยาดในวันอังคาร (25) และได้รับการต้อนรับจากผู้ช่วยผู้ว่าการกรุงริยาด เจ้าชายโมฮาเหม็ด บิน อับเดล รอห์มัน (Prince Mohamed bin Abdel Rahman) พร้อมกับภาพข่าวการต้อนรับซึ่งถูกรายงานในหน้าหนึ่งของสำนักข่าวอาหรับนิวส์ และรวมไปถึงหนังสือพิมพ์รายวันของซาอุฯ ฉบับอื่นๆ เป็นต้นว่า อัล-ริยาด (alriyadh)

กระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบียกล่าวผ่านแถลงการณ์ถึงการเยือนริยาดของผู้นำไทยว่า “การเยือนนี้เป็นผลมาจากการหารือที่มาจากมุมมองร่วมกันต่อปัญหาที่มีความวิตกร่วม และผลประโยชน์ของการหารือที่ยังคงมีต่อเนื่อง การประสานงานและการแลกเปลี่ยนของมุมมองต่อปัญหาเหล่านี้”

นิเคอิเอเชียชี้ว่า แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศซาอุฯ ไม่ได้กล่าวระบุไปถึงประเด็นต่างๆ แต่เป็นที่เข้าใจในภาพกว้างของทั้งสองประเทศว่าพวกเขาอาจกล่าวไปถึงคดีเพชรซาอุฯ “บลูไดมอนด์” ที่อื้อฉาวเมื่อปี 1989 ที่คนทำสวนของไทย เกรียงไกร เตชะโม่ง แอบขโมยเครื่องประดับซาอุฯ มูลค่าร่วม 20 ล้านดอลลาร์ในเวลานั้น และรวมไปถึงเพชรบลูไดมอนด์ 50 กะรัต หายออกไปจากพระราชวังของเจ้าหญิงซาอุฯ

เรื่องราวเลวร้ายลงเพราะไม่ถึงปีหลังเกิดคดีพบว่านักการทูตซาอุฯ 3 คนถูกลอบสังหารภายในแค่คืนเดียว แต่เป็นการลอบสังหารที่เกิดขึ้นต่างกันไป และไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังการลอบสังหารยังพบว่านักธุรกิจซาอุฯ ชื่อดัง โมฮัมเหม็ด อัล-รูไวลี (Mohammed al-Ruwaili) ซึ่งมีความใกล้ชิดกับสมาชิกราชวงศ์ซาอุฯ หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างเขากำลังสืบสวนคดีขโมยเพชรซาอุฯ ด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ พบว่าเกรียงไกร ผู้ขโมยเครื่องประดับราชวงศ์ซาอุฯ ออกมาได้ขายออกไปส่วนใหญ่ก่อนที่เขาจะถูกจับกุมและทางตำรวจไทยสามารถตามเครื่องประดับล้ำค่าเหล่านี้กลับคืนได้ในปี 1990 และได้ส่งคืนไปในปี 1991 แต่ทว่าทางเจ้าหน้าที่ซาอุฯ กล่าวว่า เครื่องประดับที่ถูกส่งคืนจำนวนมากเป็นของปลอมและเพชรบลูไดมอนด์ 50 กะรัตที่ล้ำค่ายังคงสูญหายมาจนถึงทุกวันนี้

โดยตลอดระยะเวลา 30 ปี พบว่าริยาดได้สั่งลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยมาอยู่แค่ระดับอุปทูตเท่านั้น และไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ริยาดจะส่งเอกอัครราชทูตของตัวเองมาประจำที่ไทยอีกครั้ง และยังสั่งห้ามพลเมืองของตัวเองเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย

ดังนั้นแล้วผลกระทบไม่ตกแค่เฉพาะต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการค้า แต่ทว่าซาอุฯ ยังออกคำสั่งไม่อนุญาตออกหนังสืออนุญาตการทำงานให้แรงงานไทยในปี 1991 กระทบต่อแรงงานไทยร่วม 25,000 คนที่ต้องการเข้าไปทำงานเพื่อตอบโต้คดีเพชรซาอุฯ และนับตั้งแต่นั้นมาจำนวนแรงงานไทยที่จะเข้าไปทำงานที่ซาอุฯ ลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก อ้างอิงจากข้อมูลกระทรวงพบว่า มีแรงงานไทยแค่ 40 คนทำงานในซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2020 ส่งผลทำให้ไทยเสียผลประโยชน์ร่วมหลายพันล้านดอลลาร์ของการที่แรงงานไทยส่งเงินกลับมาที่บ้าน








กำลังโหลดความคิดเห็น