รอยเตอร์ - รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบธุรกิจบริการคลาวด์เซอร์วิสของบริษัทอาลีบาบา ของแจ็ค หม่า เรื่องการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินทางปัญญาในสหรัฐฯ หวั่นรัฐบาลปักกิ่งสามารถเข้าถึงได้วิตกอาจเสี่ยงเป็นภัยความมั่นคงอเมริกา
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (19 ม.ค.) ว่า แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า รัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กำลังตรวจสอบการทำธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่จีน “อาลีบาบา” ของแจ็ค หม่า ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงสหรัฐฯ หรือไม่
ทั้งนี้ แหล่งข่าว 3 คนที่ได้รับรายงานสรุปในเรื่องนี้ชี้ว่าหัวใจของการสอบสวนอยู่ที่ว่าบริษัทอาลีบาบาเก็บข้อมูลยูสเซอร์ในสหรัฐฯ อย่างไร ซึ่งรวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินทางปัญญา และยังรวมไปถึงประเด็นที่ว่ารัฐบาลปักกิ่งสามารถเข้าถึงได้หรือไม่
ซึ่งความเป็นไปได้ที่ปักกิ่งจะปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของยูสเซอร์ในสหรัฐฯ ในระบบเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เซอร์วิสของอาลีบาบานั้นเป็นอีกความวิตกกังวล หนึ่งในแหล่งข่าวเปิดเผย
ผู้กำกับสหรัฐฯ สามารถสั่งบริษัทอาลีบาบาให้ออกมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบริการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของตัวเอง หรือสามารถสั่งห้ามประชาชนอเมริกันทั้งในประเทศและต่างประเทศใช้บริการคลาวด์เซอร์วิสของอาลีบาบาไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ ในอดีตกระทรวงพาณิชย์สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความวิตกเกี่ยวกับธุรกิจคลาวด์เซอร์วิสของอาลีบาบา แต่ทว่ามาถึงรัฐบาลไบเดน เดินหน้าลุยเปิดการสอบสวนอาลีบาบาอย่างเป็นทางการหลังจากที่ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา อ้างอิงจาก 1 ใน 3 แหล่งข่าวและอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ สมัยทรัมป์
รอยเตอร์รายงานว่า ธุรกิจบริการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เซอร์วิสของบริษัทอาลีบาบา มีขนาดเล็ก โดยมีรายได้ประจำปีน้อยกว่า 50 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากบริษัทวิจัย การ์ตเนอร์ อิงค์ (Gartner Inc) แต่หากว่าในท้ายที่สุดผู้กำกับสหรัฐฯ ตัดสินใจปิดกั้นการทำธุรกิจระหว่างบริษัทอเมริกันทั้งหลาย และอาลีบาบา มันอาจสร้างความเสียหายให้อาลีบาบาในธุรกิจที่กำลังเติบโตและมีอนาคตสดใส รวมไปถึงข้อตกลงและยังสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทในภาพรวม
ทั้งนี้ แผนกข่าวกรองลับและความมั่นคง (Intelligence and Security) หน่วยงานที่กำลังตรวจสอบอาลีบาบานั้นเป็นแผนกเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาในสมัยทรัมป์ และถูกกำหนดให้มีอำนาจมหาศาลสามารถแบน หรือจำกัดธุรกรรมทางธุรกิจของบริษัทอเมริกันและครอบคลุมไปถึงบริษัทอินเทอร์เน็ต บริษัทโทรคมนาคม บริษัทไฮเทคที่มีกับประเทศศัตรูต่างแดน เช่น จีน รัสเซีย คิวบา อิหร่าน เกาหลีเหนือ และเวเนซุเอลา
หนึ่งในแหล่งข่าวกล่าวว่า แผนกให้ความสนใจในธุรกิจคลาวด์เซอร์วิสของจีนเป็นพิเศษท่ามกลางความวิตกถึงการขโมยข้อมูล และการขัดขวางการเข้าใช้จากปักกิ่ง
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ สมัยทรัมป์ได้เคยออกคำเตือนไปยังผู้ให้บริการคลาวด์เซอร์วิสของจีนในสหรัฐฯ ที่รวมไปถึงอาลีบาบา ซึ่งก่อนที่สหรัฐฯ และจีนจะเกิดความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างกัน พบว่า บริษัทอาลีบาบาของแจ็ค หม่า เคยตั้งความหวังอย่างสูงต่อธุรกิจคลาวด์เซอร์วิสในสหรัฐฯ ของตัวเอง
โดยในปี 2015 อาลีบาบาได้ก่อตั้งบริษัทให้บริการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เซอร์วิสของตัวเองที่ซิลิคอนแวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนอกจีน โดยในเวลานั้นอาลีบาบามีแผนที่จะแข่งขันกับยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ แอมะซอน ไมโครซอฟท์ และกูเกิล และหลังจากนั้นพบว่า อาลีบาบาได้เพิ่มศูนย์ข้อมูลขึ้นที่ซิลิคอนแวลลีย์ และในรัฐเวอร์จิเนีย แต่ทว่าต้องลดการทำธุรกิจในสหรัฐฯ ลงในสมัยทรัมป์หลังความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน และไม่ต่างในสมัยไบเดน ที่ต้องการออกมาตรการจำกัดเพิ่มมากขึ้นต่อบริษัทจีนในสหรัฐฯ