xs
xsm
sm
md
lg

รัฐสภาอินโดนีเซียผ่าน กม. 'ย้ายเมืองหลวง' ไปเกาะบอร์เนียว ตั้งชื่อ ‘นูซันตารา’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ถ่านหินซึ่งถูกบรรทุกใส่เรือท้องแบนล่องมาตามแม่น้ำมาฮากัม (Mahakam) ในเมืองซามารินดา จังหวัดกาลีมันตันตะวันออกของอินโดนีเซีย ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 11 ม.ค.
รัฐสภาอินโดนีเซียมีมติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการย้ายเมืองหลวงของประเทศจากกรุงจาการ์ตา ไปยังเกาะบอร์เนียววันนี้ (18 ม.ค.) โดยจะตั้งชื่อเมืองหลวงแห่งใหม่ว่า “นูซันตารา” (Nusantara) ซึ่งมีความหมายว่า “หมู่เกาะ” ในภาษาอินโดนีเซีย

กฎหมายฉบับนี้ได้วางกรอบการดำเนินงานทั้งในแง่ของงบประมาณ และการบริหารสำหรับเมืองหลวงแห่งใหม่ ซึ่งถือเป็นโครงการลงทุนระดับเมกะโปรเจกต์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แดนอิเหนา

ซูฮาร์โซ โมโนอาร์ฟา รัฐมนตรีกำกับดูแลแผนพัฒนาแห่งชาติของอินโดนีเซีย แจ้งต่อรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ (17) ว่า ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ได้เห็นชอบให้มีการตั้งชื่อเมืองหลวงใหม่ว่า “นูซันตารา” หลังจากที่ได้มีการหารือกับนักประวัติศาสตร์และนักภาษาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาคัดเลือกจาก 80 รายชื่อที่มีการเสนอมา เช่น เนอการา จายา (Negara Jaya) และนูซันตารา จายา (Nusantara Jaya) เป็นต้น

สำหรับเหตุผลที่ใช้ชื่อ "นูซันตารา" เพราะว่าเป็นคำที่รู้จักกันมายาวนาน มีความเป็นสากล เรียบง่าย และมีความหมายสะท้อนถึงสภาพภูมิศาสตร์ของอินโดนีเซียที่ประกอบด้วยหมู่เกาะจำนวนมาก อีกทั้งเป็นคำที่ประชาชนชาวอินโดนีเซียทุกภูมิภาคให้การยอมรับ

ประธานาธิบดีวิโดโด ได้ประกาศไว้เมื่อปี 2019 ว่าจะย้ายศูนย์กลางการบริหารของประเทศจากจาการ์ตาไปยังพื้นที่ชนบทในจังหวัดกาลีมันตันตะวันออก ซึ่งในทางภูมิศาสตร์ถือว่าใกล้กับศูนย์กลางของหมู่เกาะอินโดนีเซีย โดยเมืองหลวงแห่งใหม่นี้จะถูกสร้างขึ้นระหว่างเมืองซามารินดา (Samarinda) กับเมืองท่าบาลิกปาปัน (Balikpapan) และคาดว่าจะมีประชากรอยู่อาศัยราว 6-7 ล้านคน

โครงการสร้างเมืองหลวงใหม่คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 466 ล้านล้านรูเปียห์ หรือราว 1 ล้านล้านบาท

สาเหตุหลักที่ทำให้อินโดนีเซียตัดสินใจย้ายเมืองหลวงคือ สภาพความแออัดและปัญหาสิ่งแวดล้อมในกรุงจาการ์ตา ซึ่งมีประชากรหนาแน่นเกือบ 11 ล้านคน โดยในปีหลังๆ มานี้จาการ์ตาเริ่มเผชิญวิกฤตน้ำท่วมรุนแรงขึ้น และคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงในอนาคต

รัฐบาลอินโดนีเซียคาดหวังว่า “นูซันตารา” จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังยุคโควิด-19 โดยกระตุ้นการจ้างงาน และกระจายการพัฒนาออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ จากเดิมที่กระจุกตัวอยู่แต่ในเกาะชวาเป็นส่วนใหญ่

ที่มา : รอยเตอร์, Spark Chronicles




กำลังโหลดความคิดเห็น