ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดรอบ 2 เดือนในวันพุธ (12 ม.ค.) จากภาวะอุปทานตึงตัวในสหรัฐฯ และดอลลาร์อ่อนค่าลง ปัจจัยหลังนี้ผลักทองคำดีดตัวแรงเช่นกัน ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวก หลังตัวเลขเงินเฟ้อของอเมริกาเป็นไปตามความคาดหมาย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ ปิดที่ 84.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) รายงานเมื่อวันพุธ (12 ม.ค.) คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลง 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เหลือ 413.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่า จะลดลงราวๆ 1.9 ล้านบาร์เรล
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้สัญญาน้ำมันซึ่งซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ความเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงของดอลลาร์ ยังผลักให้ราคาทองคำในวันพุธ (12 ม.ค.) ปิดบวก 4 วันติด แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2022 โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 8.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,827.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (12 ม.ค.) ปิดบวก แม้ข้อมูลเผยให้เห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อของอเมริกาแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ แต่ก็เป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คลายความกังวลว่าเฟดจะถูกบีบให้ลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 38.30 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 36,290.32 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.28 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,726.35 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 34.94 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,188.39 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคพุ่งขึ้น 7.0% ในเดือน ธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ แต่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
วอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยบวกจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีร่วงหลุดระดับ 1.72% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์)
