ประธานาธิบดีคาสซิม-โจมาร์ต โตกาเยฟ แห่งคาซัคสถานในวันจันทร์ (10 ม.ค.) ให้คำจำกัดความสถานการณ์ความรุนแรงนองเลือดในประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เป็นความพยายามก่อรัฐประหาร
ในถ้อยแถลงที่มีต่อที่ประชุมทางออนไลน์ของพันธมิตรทหาร องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (Collective Security Treaty Organisation - CSTO) ที่นำโดยรัสเซีย ผ่านวิดีโอลิงด์ ทางโตกาเยฟ บอกว่าเวลานี้สามารถกู้สถานการณ์ความสงบเรียบร้อยคืนมาได้แล้ว แต่กำลังดำเนินการไล่ล่า "พวกก่อการร้าย"
"ภายใต้หน้ากากของการประท้วงที่เกิดขึ้นเอง ระลอกคลื่นแห่งความไม่สงบปะทุขึ้น ชัดเจนว่ามันมีเป้าหมายหลักคือบั่นทอนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและยึดอำนาจ เรากำลังพูดถึงความพยายามก่อรัฐประหาร" เขากล่าว
การประท้วงต่อต้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เริ่มขึ้นเมื่อราวๆ 1 สัปดาห์ก่อน จากนั้นมันได้ลุกลามสู่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลของโตกาเยฟในวงกว้าง เช่นเดียวกับนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ประธานาธิบดีคนก่อนวัย 81 ปี ซึ่งปกครองคาซัคสถานมานานกว่า 3 ทศวรรษ และเชื่อว่ายังคงกุมอิทธิพลทางการเมืองไว้อย่างมีนัยสำคัญ
"เป้าหมายหลักถูกระบุไว้คือเมืองอัลมาตี การล่มสลายของเมืองแห่งนี้จะเปิดทางสำหรับการยึดอำนาจทางใต้ที่มีพลเมืองพักอาศัยหนาแน่น และจากนั้นก็ทั่วประเทศ" โตกาเยฟ กล่าว "จากนั้นพวกเขามีแผนยึดเมืองหลวง"
โตกาเยฟ กล่าวว่า ปฏิบัติการ "ต่อต้านก่อการร้าย" ขนานใหญ่จะจบลงเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับภารกิจขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม ซึ่งเขาบอกว่าส่งทหารเข้ามา 2,030 นายและยุทโธปกรณ์ทางทหาร 250 ชิ้น
ประธานาธิบดีรายนี้ปกป้องการตัดสินใจของตนเองในการเชิญทหารที่นำโดยรัสเซียเข้ามาประเทศ และบอกว่าข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมในภารกิจขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม เกิดจากการปราศจากข้อมูล
เขาบอกต่อว่า คาซัคสถานจะมอบข้อพิสูจน์แก่ประชาคมนานาชาติเร็วๆ นี้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมเผยว่า มีสมาชิกกองกำลังความมั่นคง 16 นายถูกสังหาร ส่วนจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตนั้นยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ก่อนหน้านี้ สื่อของทางการคาซัคสถานรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามอย่างรุนแรงถึง 164 คน ก่อนที่จะปรับตัวเลขลดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลคาซัคสถานระบุว่ามี "อาชญากรติดอาวุธ" เสียชีวิต 26 คน นอกจากนี้ ยังระบุตัวเลขผู้ถูกจับกุมเกือบ 8,000 คน
(ที่มา : รอยเตอร์/วอยซ์ออฟอเมริกา)