xs
xsm
sm
md
lg

ปิดคดีมรดกหมื่นล้าน! ศาลอินเดียยกกรรมสิทธิ์ ‘พระราชวังชัยมาฮาล’ ให้ทายาทราชสกุล ‘รังสิต’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต และบุตรทั้งสองซึ่งเป็นทายาทราชวงศ์ชัยปุระแห่งอินเดีย (แฟ้มภาพ)
ศาลสูงสุดอินเดียมีคำพิพากษาไกล่เกลี่ยคดีมรดกยุ่งยากของราชวงศ์ชัยปุระในรัฐราชสถาน โดยตัดสินให้ “เทพราช-ลลิตยา” สองพี่น้องราชสกุล “รังสิต” ซึ่งเป็นทายาทของมหาราชจกัต ซิงห์ กับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต อดีตพระชายาราชนิกุลไทย ได้กรรมสิทธิ์ครอบครอง “พระราชวังชัยมาฮาล” ส่วนฝ่ายคู่กรณีที่มีศักดิ์เป็นลุงได้ “พระราชวังรามบักห์” ไปครอง

เว็บไซต์ฮินดูสถานไทม์สรายงานว่า คดีฟ้องร้องเรื่องทรัพย์สินมรดกที่ยืดเยื้อระหว่างทายาทราชวงศ์ชัยปุระ ได้ข้อยุติหลังจากที่ศาลสูงสุดอินเดียแต่งตั้งอดีตผู้พิพากษาเข้ามาเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย โดยทนายความซึ่งเป็นตัวแทนของสองพี่น้องราชสกุลรังสิตก็ได้ออกมายืนยันเรื่องนี้แล้ว

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า นายเทพราช ซิงห์ และ น.ส. ลลิตยา กุมารี สองพี่น้องผู้เป็นทายาทของมหาราชจกัต ซิงห์ กับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ธิดาคนเล็กของ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต กับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต สายพระโลหิตในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้รับชัยชนะในการยื่นคัดค้านพินัยกรรมของมหารานี คยาตรี เทวี พระชายาองค์ที่ 3 ในมหาราชาสวัย มัน ซิงห์ ที่ 2 แห่งราชวงศ์ชัยปุระ และพระราชมารดาในมหาราชจกัต ซิงห์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ปี 2558

ผู้พิพากษาศาลฎีกาของอินเดียได้ตัดสินยืนคำพิพากษาของศาลกรุงนิวเดลี ซึ่งระบุว่านายเทพราช และ น.ส.ลลิตยา มีสิทธิในสมบัติของมหาราชจกัต ซิงห์ รวมถึงส่วนแบ่งในพระราชวังชัยมาฮาล พระราชวังรามบักห์ ตลอดจนกิจการอื่น คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 200-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,000-14,000 ล้านบาท หลังจากที่ เทพราช และลลิตยา ได้ยื่นคัดค้านพินัยกรรมของมหารานี คยาตรี เทวี ที่สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ปี 2552 ขณะมีพระชนมายุ 90 พรรษา

เนื้อหาในพินัยกรรมของมหารานี คยาตรี เทวี ได้มอบสิทธิในการจัดการสมบัติของมหาราชจกัต ซิงห์ ให้แก่คณะกรรมการบริหารบริษัทราม-บักห์ พาเลซ โฮเต็ล พีวีที จำกัด รวมถึงบริษัทอื่นๆ รับหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สมบัติที่สืบทอดมาจากมหาราชาสวัย มัน ซิงห์ ที่ 2 ขณะที่นายเทพราช และ น.ส.ลลิตยา ซึ่งยื่นฟ้องร่วมกันระบุว่า มหารานี คยาตรี เทวี ซึ่งเป็นย่าแท้ๆ ทรงทำพินัยกรรมในขณะที่มีพระชนมายุมาก อีกทั้งยังมีสุขภาพอ่อนแอจนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการพูด จึงอาจถูกแทรกแซงโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายอื่นๆ

ทรัพย์สินหลักๆ ที่เป็นข้อพิพาท ได้แก่ พระราชวังชัยมาฮาล และพระราชวังรามบักห์ ซึ่งปัจจุบันถูกแปลงกิจการเป็นโรงแรมหรูภายใต้การบริหารของบริษัท ทาทา กรุ๊ป และถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของทายาทราชวงศ์ชัยปุระ

ล่าสุด มีรายงานว่า ทายาทราชสกุลรังสิต กับฝ่ายคู่กรณี 2 คนซึ่งเป็นญาติได้บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทตามที่อดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุด กูเรียน โจเซฟ เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย โดยข้อตกลงระบุให้พระราชวังชัยมาฮาล ตกเป็นทรัพย์สินของสองพี่น้องตระกูลรังสิตโดยสมบูรณ์ และให้เพิกถอนสิทธิของอีกฝ่ายที่มีอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ทั้งหมด ขณะที่พระราชวังรามบักห์ ตกเป็นของคู่กรณี โดยศาลสูงสุดอินเดียได้ทำการบันทึกข้อตกลงไว้เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เทพราช และลลิตยา ได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตามมารดา หลังจาก ม.ร.ว.ปรียนันทนา ได้หย่าร้างกับมหาราชจกัต ซิงห์ ในปี 2530

ที่มา : mgronline, hindustan times






กำลังโหลดความคิดเห็น