เอพี/รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกลางซ้ายคนใหม่ โอลาฟ โชลซ์ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำคนที่ 9 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันพุธ (8 ธ.ค.) เปิดศักราชใหม่ให้เมืองเบียร์หลังสิ้นยุคอดีตนายกฯ หญิงเหล็ก อังเกลา แมร์เคิล ปกครองยาวนานถึง 16 ปี เกิดขึ้นในวันที่เยอรมนีมียอดเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์
เอพีรายงานวันนี้ (8 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลชุดใหม่ของโอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) ทำหน้าที่ด้วยความคาดหวังที่สุดของการปรับปรุงเยอรมนีให้มีความทันสมัย และต่อสู้กับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลก แต่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าท้ายที่กำลังเกิดขึ้นจากการระบาดโรคโควิด-19
การเข้ารับตำแหน่งของโชลซ์เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่เยอรมนีเห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ระหว่างที่เบอร์ลินกำลังต่อสู้กับการระบาดรอบที่ 4
อ้างอิงจากรอยเตอร์พบว่า สถาบันควบคุมการระบาด โรเบิร์ต โค๊ก (Robert Koch Institute for disease control) ของเยอรมนีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ในวันพุธ (8) อยู่ที่ 69,601 คน สูงกว่าในวันเดียวกันของสัปดาห์ก่อนหน้าราว 2,415 คน และมีรายงานผู้เสียชีวิตใหม่เพิ่มขึ้น 527 คน
โชลซ์ได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาเยอรมนีด้วยตัวเลข 395-303 และ 6 คนงดออกเสียง เอพีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีผสมชุดใหม่ประกอบไปด้วย 3 พรรคครองเสียง 416 นั่งในสภาล่างเยอรมนีที่มีจำนวนทั้งหมด 736 ที่นั่ง
เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่อย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดีเยอรมนี และจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันเดียวกันนี้หลังจากนี้
ซึ่งระหว่างการโหวตออกเสียงพบว่าอดีตนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีอีกต่อไปนั่งอยู่ในส่วนของแขกด้านใน โดยเธอเข้าร่วมสังเกตการออกเสียงรับรองผู้นำเยอรมนีคนใหม่ ทั้งนี้ พบว่าแมร์เคิลได้รับการให้เกียรติอย่างสูงสุดจากรัฐสภาเยอรมนีด้วยการยืนปรบมือให้
เอพีรายงานว่า ก่อนที่โชลซ์จะขึ้นมาบริหารประเทศเขาเคยดำรงตำแหน่งอดีตรองนายกรัฐมนตรีเยอรมนี และอดีตรัฐมนตรีการคลังเยอรมนีตั้งแต่ปี 2018 และเชื่อมั่นว่าเขาจะนำความสามารถและประสบการณ์มหาศาลรวมไปถึงความมีวินัยเพื่อนำพารัฐบาลพรรคผสม 3 ฝ่าย ได้แก่ พรรคกลางซ้ายโซเชียล เดโมแครตส์ (Social Democrats) พรรคเพื่อสิ่งแวดล้อม กรีน (Green) และพรรคสนับสนุนธุรกิจ ฟรี เดโมแครตส์ (Free Democrats) ให้ไปตลอดรอดฝั่ง
ในส่วนของพิธีสาบานตนพบว่าเขาไม่ต้องการให้ศาสนามาเกี่ยวพันเหมือนเช่นเดียวกับอดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี แกร์ฮาร์ท ชเรอเดอร์ (Gerhard Schroeder) ถึงแม้ว่าโชลซ์จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายนิกายลูเทอแรนก็ตาม เพราะในพิธีสาบานตนภายในรัฐสภาเยอรมนีวันพุธ (8) เขาเลือกที่จะไม่กล่าวคำว่า “ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเหลือข้าพเจ้า”
และสำหรับแมร์เคิลในเวลานี้ยังไม่เปิดเผยแผนการของตัวเองในอนาคต แต่ทว่าเธอเคยกล่าวว่าจะไม่ลงรับสมัครเลือกตั้งตำแหน่งทางการเมืองอีกต่อไป
สไตล์การทำงานของผู้นำเยอรมนีคนใหม่นั้นพบว่ามีความคล้ายกับของแมร์เคิล แม้ว่าทั้งสองคนจะมาจากต่างพรรค โดยเป้าหมายหลักสำหรับรัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่อยู่ที่การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกด้วยการขยายการใช้พลังงานหมุนเวียนและนำเยอรมนีออกไปจากการใช้พลังงานถ่านหินนับตั้งแต่ปี 2038 เป็นต้นไป แต่ตั้งเป้าหวังว่าจะสามารถทำให้สำเร็จได้ภายในปี 2030
นอกจากนี้ รัฐบาลชุดโชลซ์ต้องการปรับปรุงเยอรมนีประเทศที่มีประชากรอาศัยทั้งหมด 83 ล้านคนให้มีความทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงปรับปรุงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและระบบโทรศัพท์มือถือที่ถูกขึ้นชื่อล้าหลังเป็นอย่างมากให้มีความก้าวหน้า
ที่สำคัญในสมัยรัฐบาลพรรคโซเชียล เดโมแครตส์ครองอำนาจจะเป็นครั้งแรกที่เยอรมนีอนุญาตให้มีการจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย และยังผ่อนคลายมาตรการที่จะทำให้เส้นทางการขอสัญชาติเยอรมันง่ายมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะเพิ่มความพยายามในการเนรเทศผู้ลี้ภัยที่ไม่ได้รับอนุญาตให้พำนักในประเทศต่อไป
รัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่ยังวางแผนที่จะเพิ่มอัตรารายได้ขั้นต่ำในประเทศพร้อมไปกับเพิ่มการสร้างอพาร์ตเมนต์หลายพันแห่งเพื่อต่อสู้กับการขึ้นราคาค่าเช่าที่พุ่งสูง
โชลซ์ส่งสัญญาณนโยบายการต่างประเทศโดยชี้ว่า เยอรมนีในยุคของเขาจะสนับสนุนความแข็งแกร่งของสหภาพยุโรปและจะยังให้การสนับสนุนต่อพันธมิตรข้ามแอตแลนติก (trans-Atlantic alliance) ต่อไป โดยการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีเยอรมนีจะเกิดขึ้นในวันศุกร์ (10) เพื่อจะไปเยือนฝรั่งเศสพบกับผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดี เอ็มมานุแอล มาครง ถือเป็นประเพณีปฏิบัติของผู้นำเยอรมนีที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และในวันเดียวกันนั้น โชลซ์มีกำหนดจะเดินทางไปเยือนกรุงบรัสเซลส์เพื่อพบกับผู้นำสหภาพยุโรป และผู้นำนาโต
