xs
xsm
sm
md
lg

ฮือฮา! แดนภารตะเตรียมผลิตไรเฟิลคาลานิชคอฟชื่อดังกว่า 6 แสน หลัง “ปูติน” พบ “โมดี” กระชับสัมพันธ์แนบแน่นถ่วงดุลสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ระหว่างการเยือนอินเดียเป็นทางการในวันจันทร์ (6 ธ.ค.) ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ลงนามข้อตกลงการค้าและอาวุธร่วมกับผู้นำอินเดียกระชับความสัมพันธ์แนบแน่นถ่วงดุลสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งของข้อตกลงแดนภารตะจะเริ่มผลิตปืนไรเฟิลคาลานิชคอฟไม่ต่ำกว่า 600,000 กระบอก และจะยังคงได้รับการสนับสนุนระบบป้องกันมิสไซส์ทางอากาศ S-400

รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินเดินทางฝ่าความหนาวในกรุงมอสโกเพื่อเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ (6) โดยเขาเดินทางมาพร้อมกับรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียและรัฐมนตรีพาณิชย์รัสเซีย

ซึ่งในระหว่างการเยือนจะได้เห็นทั้งสองประเทศกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างแนบแน่นมากขึ้นผ่านข้อตกลงความร่วมมือทางการทหารและเทคนิคไปจนถึงปี 2031 และให้คำมั่นสัญญาร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าการค้าประจำปีไปอยู่ที่ 30 พันล้านดอลลาร์ให้ได้ภายในปี 2025

การเยือนปูตินในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลงระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรสำคัญของอินเดียเช่นกัน ซึ่งสหรัฐฯ ได้แสดงการสงวนท่าทีเกี่ยวกับการเพิ่มความร่วมมือทางการทหารมากขึ้นระหว่างนิวเดลีและมอสโก

โดยในแถลงการณ์ร่วมที่ออกมาหลังการหารือระหว่างประธานาธิบดีปูติน และนายกรัฐมนตรีโมดีแล้วพบว่าทั้งมอสโกและนิวเดลีได้ตอกย้ำความตั้งใจของสองฝ่ายในการเพิ่มความร่วมมือทางการทหาร รวมไปถึงการพัฒนาร่วมในการผลิตยุทโธปกรณ์ทางการทหาร

ส่วนหนึ่งของข้อตกลงพบว่าอินเดียจะทำการผลิตไรเฟิลคาลานิชคอฟ AK-203 จำนวนไม่ต่ำกว่า 600,000 กระบอก มูลค่าราว 671 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงตัวเลขจากสื่อดีเฟนซ์โพสต์

โดยในรายงานของสำนักข่าว TASS ของรัสเซียพบว่า บริษัทคาลานิชคอฟยืนยันในเรื่องนี้เช่นกันในวานนี้ (6) และพบว่าต้นมีนาคม ปี 2019 โมดีได้ประกาศแผนการตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง 2 ชาติอินโด-รัสเซียภายใต้ชื่อ IRRPL ขึ้นมาเพื่อทำการผลิตปืนไรเฟิลคาลานิชคอฟรุ่น AK-203 โดยเฉพาะ

โรงงานการผลิตตั้งอยู่ในเมืองกอร์วา (Korwa) เขตอเมตี (Amethi ) รัฐอุตตรประเทศ ที่โมดีเคยดำรงตำแหน่งอดีตมุขมนตรี สื่อรัสเซียชี้ว่า อินเดียเป็นชาติแรกของโลกที่ทำการผลิตปืนไรเฟิลคาลานิชคอฟซีรีส์ 200 ล่าสุดที่ทันสมัย

ดมิตรี ชูเกเยฟ (Dmitry Shugayev) หัวหน้าสำนักงานบริการกลางด้านความร่วมมือเทคนิคทางการทหารของรัสเซีย FSMTC ( The Federal Service for Military-Technical Cooperation) ที่เชื่อมั่นในสมรรถนะของปืนไฟรเฟิลรัสเซียที่มีเหนือคู่แข่งชาติตะวันตกเปิดเผยกับ TASS ว่า

“ปืนไรเฟิล AK-203 นั้นเป็นหนึ่งในปืนไรเฟิลอัตโนมัติที่มีความทันสมัยมากที่สุดของเรา มันถูกได้รับการทดสอบมาเป็นเวลานานและเพื่อนอินเดียของเราที่มีความช่างเลือกได้เลือกรุ่นที่เหมาะสมและได้เจาะจงไปที่รุ่น AK-203”

ทั้งนี้ ชูเกเยฟกล่าวเปิดเผยว่า รัสเซียพร้อมที่จะร่วมมือจัดการในการผลิตอาวุธปืนไรเฟิลที่มีความล้ำสมัยร่วมกันกับอินเดียในการผลิตระดับท้องถิ่น ซึ่งปืนไรเฟิลคาลานิชคอฟไม่มีความด้อยไปกว่าของคู่แข่งชาติตะวันตกและนอกเหนือจากนี้ยังมีความสามารถที่มากกว่าในระดับหลายพารามิเตอร์ และดังนั้นข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์ทางการทหารของรัสเซียเช่นกัน

รอยเตอร์ชี้ว่ารัสเซียกล่าวว่ายังคงมีความสนใจที่จะให้การสนับสนุนระบบป้องกันขีปนาวุธทางอากาศ S-400 แก่อินเดียต่อไป

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ฮาร์ช วาร์ธัน ชริงกลา (Harsh Vardhan Shringla) แถลงว่า ทั้ง 2 ประเทศได้ร่วมลงนามในข้อตกลงการลงทุน 28 ข้อตกลง ซึ่งรวมไปถึงข้อตกลงเหล็ก การต่อเรือ ถ่านหิน และการพลังงาน เขาเสริมต่อว่าข้อตกลงปี 2018 สำหรับระบบป้องกันภัยขีปนาวุธทางอากาศ S-400 นั้นปัจจุบันกำลังบังคับใช้

“ซัปพลายได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนนี้และจะยังคงดำเนินต่อไป” เขากล่าวโดยอ้างไปถึง S-400

ด้านบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ รอสเนฟต์ (Rosneft) ของรัสเซียได้ร่วมลงนามข้อตกลงกับบริษัทพลังงาน ออยอินเดีย (Indian Oil) ที่จะเห็นการส่งมอบน้ำมันถึง 2 ล้านตันให้อินเดียได้ภายในสิ้นปี 2022

นอกจากนี้ ในการลงนามข้อตกลง MOU ระหว่างรัสเซียและอินเดีย พบว่า รัสเซียจะส่งถ่านหินไปให้อินเดียอย่างไม่หยุดชะงักเพื่อสนับสนุนการผลิตเหล็กของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ชี้ว่า การที่แดนภารตะทำข้อตกลงกับมอสโกทำให้นิวเดลีเสี่ยงต่อการถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรภายใต้กฎหมายปี 2017 ที่มีเป้าหมายไปเพื่อป้องกันไม่ให้ชาติอื่นๆ สั่งซื้อยุทโธปกรณ์ทางการทหารของรัสเซีย

ทั้งนี้ ในการหารือร่วมกันพบว่าปูตินและโมดีได้หารือร่วมกันเกี่ยวข้องกับสถานการณ์อัฟกานิสถาน ส่งเสียงข้อผูกพันร่วมกันที่จะไม่ยอมให้อัฟกานิสถานกลับมาเป็นแหล่งหลบภัยของกลุ่มผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศ






กำลังโหลดความคิดเห็น