เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - บริษัทหน่วยข่าวกรองนักเศรษฐศาสตร์ EIU (Economist Intelligence Unit) ล่าสุดเปิดเผยรายงานการสำรวจวันพุธ (1 ธ.ค.) ประกาศให้ “กรุงเทลอาวีฟ” ของอิสราเอลเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกจากทั้งหมด 173 เมืองทั่วโลกที่ทำการสำรวจประจำปีนี้ แซงหน้าแชมป์เก่าปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากสกุลเงินเชเกลที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ราคาที่ถีบตัวสูงขึ้นของสินค้าบริโภคและการขนส่งสาธารณะจนสามารถทำให้ไต่ขึ้นมาจากลำดับ 5 ของตารางได้สำเร็จ ขณะที่กรุงเทพฯี ถูกพบมีอัตราราคาสินค้าลดลงอย่างมากในดัชนีทุกประเภทตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
เดอะเนชันแนลนิวส์ สื่อยูเออี รายงานวันนี้ (1 ธ.ค.) ว่า กรุงเทลอาวีฟของอิสราเอลเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกประจำปี 2021 จากการจัดลำดับของบริษัทหน่วยข่าวกรองนักเศรษฐศาสตร์ EIU (Economist Intelligence Unit) ที่เปิดเผยรายงานวันพุธ (1)
อ้างอิงจาก CNBC สื่อสหรัฐฯ EIU ระบุว่า เมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก 10 อันดับแรกประจำปี 2021ได้แก่ (1) เทลอาวีฟ (2) กรุงปารีส (2) สิงคโปร์ (4) ซูริค (5) ฮ่องกง (6) นิวยอร์ก (7) เจนีวา (8) โคเปนเฮเกน (9) ลอสแองเจลีส (10) โอซากา
โดยจากภาพรวมทั้งหมดพบว่าเมืองส่วนใหญ่ที่อยู่ในตารางจะเป็นเมืองมาจากยุโรปและชาติเอเชียที่พัฒนาแล้วเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เมืองในอเมริกาเหนือและจากจีนยังคงมีอัตราราคาสินค้าระดับปานกลางโดยอ้างอิงการสำรวจที่ทำการเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการมากกว่า 200 ประเภทของ 173 เมืองใหญ่ทั่วโลก ซึ่งดัชนีชี้วัดนี้ถูกใช้ในบริษัทคอปอเรชันสำหรับการเจรจาต่อรองแพกเกจค่าตอบแทนสำหรับการโยกย้ายพนักงาน
ทั้งนี้ ในการวิจัยของบริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศเมอร์เซอร์ (global consultancy Mercer) ที่ออกมาเมื่อมิถุนายนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่า กรุงอาชกาบัต (Ashgabat) ของเติร์กเมนิสถาน ฮ่องกง และกรุงเบรุต ถือเป็นเมือง 3 อันดับแรกของโลกที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก "สำหรับแรงงานต่างชาติ"
EIU กล่าวว่า กรุงเทลอาวีฟไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตารางในปีนี้ได้สำเร็จเนื่องมาจากค่าเงินสกุลเชเกลที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ราคาที่ถีบตัวสูงขึ้นของสินค้าบริโภคและการขนส่งสาธารณะ และอิสราเอลยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการให้ภูมิคุ้มกันโควิด-19 ให้กประชาชนมากที่สุดในโลก
CNBC สหรัฐฯ ชี้ว่า มาจนถึงวันจันทร์์ (29 พ.ย.) พบว่าอิสราเอลมีตัวเลขประชาชนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสอยู่ที่ 62% ในขณะเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนพบว่าค่าเงินสกุลเชเกลสูงขึ้นไป 4% ต่อดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันต่อปี อ้างอิงจากรอยเตอร์ แต่ทว่านับตั้งแต่นั้นค่าสกุลเงินตกลงมาเล็กน้อย
EIU พบว่า 1 ใน 10 ของสินค้ามีการเพิ่มราคาขึ้นที่กรุงเทลอาวีฟ ขณะที่ในภาพกว้าง EIU กล่าวว่ าอัตราเงินเฟ้อของราคาสินค้าที่ทางบริษัทวิจัยทำการติดตามเพิ่มขึ้น 3.5% เทียบปีต่อปีในค่าสกุลเงินท้องถิ่นช่วงเวลามาจนถึงกันยายน ปี 2021 โดยเพิ่มขึ้นราว 1.9% จากปี 2020
EIU ชี้ว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของดัชนีตลอดช่วงเวลา 5 ปี
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ปัญหาซัปพลายเชน การผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยนค่าสกุลเงิน และการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภคเป็นผลนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าอื่นๆ
ขณะที่ขนส่งสาธารณะเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากในส่วนของราคาสอดคล้องไปกับราคาน้ำมันแก๊ซโซลีนต่อลิตรปรับตัวสูงขึ้น 21% โดยเฉลี่ยในปีนี้
การสำรวจยังบ่งชี้ไปถึงเมืองที่มีการปรับต่ำลงมากที่สุดในโลกตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมาประจำปี 2021 โดยกรุงโรมเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตารางที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุดเลื่อนมาอยู่ที่อันดับ 48 จากก่อนหน้าที่อันดับ 32 โดยชี้ไปถึงราคาสินค้าบริโภคในซูเปอร์มาร์เกตและราคาเสื้อผ้าที่ราคาลดลงอย่างมาก
ขณะที่ "กรุงเทพฯ" และกรุงลิมาของเปรูถูกระบุว่าเป็นเมืองที่มีการปรับต่ำลงมาเป็นอันดับ 2 ของดัชนีต่างๆ ที่มีการลดอย่างเห็นได้ชัดในทุกประเภท EIU กล่าว
ในการศึกษายังรายงานว่า สำหรับเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในโลกประจำปีนี้ (1) กรุงดามัสกัสของซีเรีย (2) กรุงตริโปลีของลิเบีย (3) ทาชเคนต์ของอุซเบกิสถาน (4) กรุงตูนิสของตูนิเซีย (5) อัลมาตีของคาซัคสถาน (6) เมืองการาจีของปากีสถาน (7) อะห์มดาบาดในรัฐคุชราตของอินเดีย (8) กรุงแอลเจียร์ของแอลจีเรีย (9) กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา (9) กรุงลูซากาของแซมเบีย
ซึ่งกรุงบัวโนสไอเรสและกรุงลูซากา ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 164 เท่ากันและมีดัชนีค่าครองชีพระดับโลก (WCOL index) เท่ากันที่ 39