รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศห้ามผู้เดินทางจาก 7 ชาติแอฟริกาเดินทางเข้าประเทศวันนี้ (26 พ.ย.) หลังมีรายงานการพบเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ตัวใหม่ในแอฟริกาใต้
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์แถลงว่า ชาวต่างชาติและผู้ที่ไม่มีถิ่นพำนักถาวรซึ่งมีประวัติเดินทางไปยังแอฟริกาใต้, บอตสวานา, เอสวาตินี, เลโซโท, โมซัมบิก, นามิเบีย และซิมบับเว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสิงคโปร์ หรือใช้สิงคโปร์เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง (transit) โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย.
สำหรับพลเมืองสิงคโปร์หรือชาวต่างชาติที่เป็นผู้พำนักถาวรในสิงคโปร์ยังคงสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ตามปกติ ทว่าจะต้องผ่านกระบวนการกักตัว 10 วัน
แม้สิงคโปร์จะยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าว ทว่ารัฐบาลตัดสินใจ “ใช้มาตรการลดความเสี่ยง” เพื่อสกัดไม่ให้ไวรัสตัวใหม่เล็ดรอดข้ามพรมแดนมาแพร่กระจายในเกาะศูนย์กลางธุรกิจที่มีประชากร 5.5 ล้านคนแห่งนี้
ปัจจุบันสิงคโปร์มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมเกือบ 260,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 681 คน
นอกจากสิงคโปร์ ยังมีอีกหลายประเทศที่เริ่มใช้มาตรการแบนผู้เดินทางจากกลุ่มประเทศแอฟริกาเพื่อสกัดไวรัสกลายพันธุ์ เช่น สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, และอิตาลี เป็นต้น
อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุวันนี้ (26) ว่าอียูกำลังเตรียมเสนอให้มีการแบนผู้เดินทางจากภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้เช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาใต้ประกาศการค้นพบเชื้อโควิด-19 ชนิดใหม่ที่เรียกว่า ‘B.1.1.529’ ซึ่งมีการกลายพันธุ์ในยีนเป็นจำนวนมากเมื่อวานนี้ (25) และเชื่อว่านี่อาจเป็นสาเหตุทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในแอฟริกาใต้กลับมาพุ่งสูงขึ้น
ล่าสุด มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ B.1.1.529 จำนวน 4 รายที่บอตสวานา รวมถึงในผู้โดยสาร 1 รายที่เดินทางจากแอฟริกาใต้ไปยังฮ่องกง
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ากำลังเฝ้าติดตามไวรัสตัวกลายพันธุ์นี้อย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะมีการเรียกประชุมด่วนวันนี้ (26) เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องประกาศให้เป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในความสนใจ (variant of interest) หรือสายพันธุ์น่ากังวล (variant of concern) หรือไม่
ที่มา: เอเอฟพี