รัฐบาลจีนส่งสัญญาณเตือนไปยังภาคธุรกิจไต้หวันให้หยุดสนับสนุนกลุ่มที่คิดแยกตัวเป็นเอกราช หลังมีการลงดาบสถานหนักต่อกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของไทเปฐานละเมิดกฎเกณฑ์การค้า
จีนซึ่งอ้างว่าเกาะไต้หวันเป็นดินแดนในอธิปไตยของตนเริ่มใช้มาตรการกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้ไทเปยอมรับการถูกปกครองโดยปักกิ่ง
ล่าสุด เมื่อต้นเดือนนี้รัฐบาลจีนประกาศว่าผู้ใดหรือองค์กรใดก็ตามที่สนับสนุนให้ไต้หวันแยกตัวเป็นเอกราช จะถือว่า “มีความผิดอาญาตลอดชีวิต” และถูกห้ามไม่ให้เข้าไปแสวงหาประโยชน์ในจีนแผ่นดินใหญ่
สำนักข่าวซินหวารายงานเมื่อเช้าวันจันทร์ (22) ว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วจีนได้มีมาตรการลงโทษบริษัท ฟาร์ อีสเทิร์น กรุ๊ป (Far Eastern Group) ของไต้หวัน ซึ่งมีธุรกิจหลายประเภท ตั้งแต่กิจการโรงแรมเรื่อยไปจนถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยอ้างว่าบริษัทแห่งนี้กระทำความผิดต่างๆ ตั้งแต่เรื่องภาษี เรื่อยไปจนถึงมาตรการป้องกันอัคคีภัย และเวลานี้กระบวนการสอบสวนยังคงดำเนินอยู่
สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ ว่ามาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษ “พวกที่ดื้อแพ่งสนับสนุนเอกราชไต้หวัน” หรือไม่ แต่เอ่ยทิ้งท้ายว่า ใครก็ตามที่เห็นดีเห็นงามกับการแบ่งแยกดินแดนไต้หวันถือว่า “เป็นภัยต่อสันติภาพและเสถียรภาพของจีน รวมถึงบ่อนทำลายผลประโยชน์ของชาวจีนทั้งมวล”
“บุคคลเหล่านี้และบริษัทที่เกี่ยวของ รวมถึงผู้ที่ให้ทุนสนับสนุนพวกเขาจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายจีน”
ทางสำนักงานย้ำว่า จีนยังเปิดประตูต้อนรับภาคธุรกิจไต้หวันเสมอ แต่จะไม่ยอมให้พวกหนุนเอกราชไต้หวันเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หรือสร้างรายได้ในจีน
“นักธุรกิจและบริษัทไต้หวันส่วนใหญ่จะต้องแยกแยะให้ออกว่าอะไรถูก อะไรผิด หนักแน่นในจุดยืน ขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนระหว่างพวกเขากับกลุ่มโปรเอกราชที่จ้องแยกดินแดนไต้หวัน และทำในสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบให้เป็นไปในเชิงสันติ”
ฟาร์ อีสเทิร์น นิว เซ็นจูรี คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ฟาร์ อีสเทิร์น กรุ๊ป ยอมรับว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของจีนเคยเข้าไปตรวจสอบธุรกิจสิ่งทอเมื่อช่วงไตรมาส 2 และอ้างว่า บริษัทมีการละเมิดกฎระเบียบหลายอย่าง ทั้งเรื่องภาษี การป้องกันอัคคีภัย และการรักษาสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขทุกอย่างตามที่รัฐบาลจีนเรียกร้อง และต้องเสียค่าปรับไปประมาณ 36.5 ล้านหยวน
รัฐบาลไทเปยืนยันมาโดยตลอดว่าไต้หวัน “เป็นอิสระ” อยู่แล้ว และมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐจีน (Republic of China) รวมถึงยืนยันว่า ปักกิ่งไม่มีสิทธิที่จะพูดแทนไต้หวัน หรือกดดันผู้แทนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยไต้หวัน
ที่มา : รอยเตอร์