ทางการฮ่องกงเริ่มกำจัดประชากร “หมูป่า” ที่เพิ่มจำนวนขึ้นและออกมาเดินเพ่นพ่านภายในเมือง หลังมีตำรวจถูกหมูป่าฟัดบาดเจ็บไป 1 นายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
บรรดานักอนุรักษ์ออกมาแสดงความไม่พอใจในวันนี้ (18 พ.ย.) หลังมีรายงานข่าวว่า หมูป่า 7 ตัวถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ล่อให้ออกมาบนถนน ก่อนจะฆ่าทิ้ง
หลายคนอาจคุ้นกับภาพของฮ่องกงที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า ทว่า เกาะแห่งนี้ยังมีภูเขาและป่ากึ่งเขตร้อนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงหมูป่ายูเรเชียน และในระยะหลังๆ หมูและคนก็เริ่มที่จะมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น
สัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงเกษตร ประมง และการอนุรักษ์ (AFCD) ของฮ่องกงได้ประกาศนโยบายจับและสังหารหมูป่าที่เข้ามาเดินเพ่นพ่านในเมือง เพียง 3 วันหลังมีตำรวจนายหนึ่งถูกหมูป่าฟัดเข้าที่ขา
ปฏิบัติการกำจัดหมูป่าเริ่มขึ้นเมื่อค่ำวานนี้ (17) ที่เขตอาเบอร์ดีน (Aberdeen) โดยเจ้าหน้าที่ใช้วิธีโปรยขนมปังล่อหมูให้ออกมากิน จากนั้นก็ยิงด้วยปืนยาสลบ ก่อนจะนำไปฉีดสารพิษให้ตาย
โรนี หว่อง นักอนุรักษ์จากกลุ่ม Hong Kong Wild Boar Concern Group พยายามที่จะฝ่าแนวตำรวจเข้าไปช่วยชีวิตหมูป่าเหล่านี้ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ขัดขวางไว้
“เราเห็นด้วยกับรัฐบาลในแง่ที่ว่าคนไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ควรโยนความผิดทั้งหมดไปให้พวกมัน” หว่อง กล่าว
สมาคมป้องกันความรุนแรงต่อสัตว์แห่งฮ่องกง (Hong Kong's Society for the Prevention of Cruelty to Animals) ก็ออกมาแถลง “คัดค้าน” การกระทำของเจ้าหน้าที่ AFCD รวมถึงไม่สนับสนุนการควบคุมประชากรหมูป่าด้วยวิธีสังหารทุกรูปแบบ
รัฐบาลฮ่องกงเคยอนุญาตให้มีการล่าหมูป่าอย่างจำกัด แต่ได้เปลี่ยนมาใช้นโยบายจับ ทำหมัน และนำไปปล่อยในสถานที่อยู่ใหม่แทนในปี 2017
อย่างไรก็ตาม AFCD ระบุว่า แนวทางดังกล่าว “ไม่ได้ผล” และประชากรหมูป่ายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมาอยู่ที่ประมาณ 1,800-3,300 ตัวในปัจจุบัน แถมพวกมันบางตัวยังออกมาเดินเล่นบนท้องถนน วิ่งเล่นบนชายหาด หรือแม้กระทั่งคุ้ยเขี่ยหาอาหารบนรันเวย์ของสนามบิน
เจ้าหน้าที่ฮ่องกงระบุว่า เคยมีเหตุการณ์หมูป่าทำร้ายมนุษย์เกิดขึ้นรวม 47 ครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และปฏิบัติการกำจัดหมูป่าจะเน้นเฉพาะในย่านชุมชนเมือง หรือในจุดที่หมูมักออกมากินอาหารที่คนให้
องค์กรพิทักษ์สัตว์ 13 กลุ่มได้ร่วมกันจัดทำคำร้องออนไลน์เพื่อกดดันให้ฮ่องกงเลิกนโยบายฆ่าหมูป่า โดยจนถึงตอนนี้มีผู้เข้าชื่อสนับสนุนแล้วมากกว่า 70,000 ชื่อ
ที่มา : เอเอฟพี
